ที่มาของเรื่องสังข์ทอง
หลังจากที่กรุงศรอยุธยาเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาและทรงพยายามฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อที่จะให้เกิดความเจริญเช่นเดียวกับสมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น การฟื้นฟูปรับปรุงวรรณกรรมและการละครโดยยึดเอาวรรณกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ยังเหลืออยู่บางส่วนเป็นหลัก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ทรงกระทำงานนี้ต่อด้วยความมุงหมายเช่นเดียวกัน พระองค์ทรงย้ายพระนครหลวงมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน ปรับปรุงการปกครอง วรรณกรรม การละคร ศาสนาและศิลปะ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงขึ้นครองราชย์ ก็ได้ส่งเสริมการฟื้นฟูและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมต่อจากสมเด็จพระบิดาจนกระทั่งได้รับยกย่องว่า ในรัชสมัยของพระองค์นั้นเป็นยุคทองของวรรณคดีและยุคทองของการละครด้วย ประกอบกับการทำสงครามกับพม่าก็มีน้อยลง พระองค์จึงมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์ความเจริญให้ชาติบ้านเมืองอย่างเต็มที่ พระองค์ทรงฟื้นฟูและปรับปรุงศิลปกรรม สถาปัตยกรรม การดนตรี วรรณคดีและการละคร สำหรับด้านวรรณคดีและการละครนั้นนับว่ามีความรุ่งเรืองมาก
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงเป็นกวีผู้มีความสามารถและเชี่ยวชาญในการแต่งกาพย์กลอนและทรงเป็นองค์อุปถัมภ์การกวี พระองค์ทรงทำนุบำรุงวรรณคดีและการละครอย่างเต็มที่ ดังที่ปรากฏในพระราชกรณียกิจว่า "เวลาบ่ายห้าโมงเสด็จออกฟังรายงานบ้าง ทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์บ้าง อิเหนาบ้าง... พอย่ำยามก็เสด็จทอดพระเนตรละคร" (เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ๒๕๐๔ : ๒๐๓)
ในการพระราชนิพนธ์วรรณคดีนั้น พระองค์ทรงเลือกเจ้านายข้าราชการที่เป็นกวีชำนาญกลอนไว้เป็นที่ปรึกษา ประมาณ ๖-๗ ท่าน อาจทรงพระราชนิพนธ์เองหรือระราชทานให้กวีที่ปรึกษารับตัดตอนไปแต่ง จากนั้นนำมาอ่านในที่ประชุมและช่วยกันแก้ไขอีกชั้นหนึ่ง พระองค์คงจะทรงพระราชนิพนธ์บทละครใน ๒ เรื่อง คือเรื่องรามเกียรติ์และอิเหนาไปในเวลาเดียวกัน เนื่องจากอิเหนาเป็นเรื่องยาวซึ่งกินเวลามาก ส่วนรามเกียรติ์นั้นเป็นการตัดตอนมาแต่งเพื่อใช้เล่นละคร เข้าใจว่าทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์และอิเหนาประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๗ - พ.ศ. ๒๓๖๑ หรืออาจจะถึง พ.ศ. ๒๓๖๓ แล้วจึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอก ๕ เรื่อง เป็นลำดับต่อมา (เสาวลักษณ์ อนันตศานต์ ๒๕๓๘ : ๓๙)
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสภาหรือบทละคร มีข้อสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า เวลาที่ทรงเรื่องใดถ้ามีบทเดิมอยู่จะทรงเอาบทเดิมมาตรวจตราก่อน ถ้าความในบทเดิมดีอยู่แล้วเป็นไม่ทรงทิ้งเสียเลยหรือถ้าทรงปรับปรุงให้ไพเราะขึ้นได้ก็จะอาศัยความในบทเดิมนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงรวบรวมวรรณคดีเก่าและทรงนำวรรณคดีสำคัญๆ มาชำระ ปรับปรุงหรือแต่งใหม่ ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงมีโอกาสที่จะนำต้นฉบับวรรณคดีเหล่านั้นมาพิจารณาปรับปรุงให้มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ยิ่งขึ้น ประกอบกับบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยจึงมีการฟื้นฟูและทำนุบำรุงการละเล่นหลายอย่าง
การละเล่นที่นับว่าสำคัญและเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้แก่ การขับเสภาและการละครอันมีส่วนช่วยให้เกิดวรรณคดีที่ยิ่งใหญ่และมีคุณค่าล้นเหลือสุดที่จะประมาณได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละครซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ตกทอดสืบมาจนถึงสมัยปัจจุบัน