เรื่องย่อ 6
พวกเสนาได้ฟังคำแนะนำของเด็ก ก็ไปเก็บดอกชบาผูกปลายไม้มาล่อ เพื่อให้เจ้าเงาะตามไปถึงวังใน บรรดาสนมกำนัลที่แอบดูอยู่ที่พระบัญชร พอเห็นเจ้าเงาะก็หัวเราะบางคนก็วิจารณ์ว่า “น่าชังเป็นหนักหนา แลดูหูตาตื่นทะลึ่ง รูปร่างอัปรีย์ขี้ทึ้ง เหมือนหนึ่งภูตผีที่กลางนา” ท้าวสามนต์เองก็เกลียดเจ้าเงาะตั้งแต่แรกเห็น
พระองค์ตรัสประชดนางรจนาว่า “จงออกไปเลือกคู่ดูอ้ายเงาะ มันงามเหมาะเหลือใจเป็นใบ้บ้า หรือจะชอบอารมณ์สมหน้าตา หน่อกษัตริย์จัดมาไม่พอใจ ” นางรจนาเองก็ไม่ได้สนใจเจ้าเงาะนัก แต่เทวดาลใจนางให้อยากดุเพราะ “เงาะป่าอย่างไรไม่เคยเห็น เขาว่าหน้ามันปั้นยากเย็น เราออกไปดูเล่นก็เป็นไร ” นางลืมคำประชดของท้าวสามนต์ไปหมด จึงเดินออกมาที่ท้องพระโรงเพื่อดูว่าเจ้าเงาะหน้าตาเป็นอย่างไร
พระสังข์ในรูปเงาะเห็นนางรจนาก็มีใจปองรัก จึงอธิษฐานว่าหากเป็น เนื้อคู่กันแล้วก็ขอให้นางรจนาได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ซึ้งซ่อนอยู่ภายในเทวดาก็ดลบันดาลให้เป็นไปตามความต้องการของพระสังข์
การกระทำของนางรจนาทำให้ทุกคนอัศจรรย์ใจไปตามๆ กัน และคิดว่านางรจนาทำให้ขายหน้า ไม่รักตัวเอง ท้าวสามนต์เสียพระทัยจนกระทั่งลมจับ พอฟื้นขึ้นก็กริ้วโกรธเป็นยิ่งนัก
ท้าวสามนต์ฉาวไม้เรียวมาจะตี นางมณฑาก็ตกใจจึงรีบดุด่านางรจนาเสียก่อนว่า ทำชั่ว เสียยศศักดิ์ ขายหน้าพ่อแม่ ผู้คนจะนินทากันทั่วทั้งเมือง นางบ่นว่าไปพลางร้องไห้คร่ำครวญไปพลาง นางรจนาก็ไม่ยอมบอกความจริงหรือเหตุผลได้แต่อ้างว่าเป็นเรื่องของกรรม นางเองก็รู้ดีรู้ชั่วอยู่ แต่เรื่องพูดไปก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นจริง สุดแท้แต่วาสนาของนาง จะขอก้มหน้าใช้กรรมไปก่อนจนหมดสิ้น
นางมณฑาเองก็สงสัยในคำพูดของพระธิดานัก แต่จะปลอบโยนถามอย่างไรก็ไม่ได้ความ จนนางอ่อนใจ ออกปากว่า “ กูชังน้ำหน้าลูกว่ายาก เหนื่อย ปากรำคาญขี้คร้านถาม มึงเห็นอ้ายเงาะว่าเหมาะงาม จะแร่ตามมันไปช่างไม่อาย”
ท้าวสามนต์ได้ฟัง ใคร่ครวญแล้วก็เห็นด้วยกับนางมณฑา แต่ความแค้นก็มีมากเท่าๆ กับความรักลูก จึงคิดอยู่ในใจว่า “จำจะต้องเงือดงดอดกลั้นคอยหยิบผิด มันให้จงได้ ” แล้วสั่งเสนาให้ปลูกกระท่อนที่ปลายนาขับไล่นางรจนาไปอยู่กับเจ้าเงาะ ส่วนพี่สาวหกคนของนางรจนาแค้นเคืองมากที่น้องสาวทำให้อับอายขายหน้าก็พากันมาเยาะเย้ย หาเรื่องทะเลาะและเสียดสี เหน็บแนมนางรจนาเป็นเชิงข่มนางรจนาด้วย
นางรจนาก็ตอบโต้ด้วยความเผ็ดร้อนพอๆกัน หกนางเห็นนางรจนาไม่ยอมลงให้ ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงอีก พากันกลับไปห้องของตน นางรจนากับเจ้าเงาะต้องออกไปอยู่กระท่องปลายนาด้วยกัน เจ้าเงาะพูดเกี้ยวพาราสีนางต่างๆ นานา นางแสร้งทำเป็นไม่สนใจและพูดเป็นบิดาขับไล่ ทั้งทุกข์ยากทั้งได้อาย แท้ที่จริงนางให้ทานพวกมาลัย เพราะรู้ว่าเงาะชอบดอกไม้สีแดง แต่นางก็กลัวรูปเงาะป่าตาพอง จะให้นางไปนั่งใกล้ๆ ก็แล้วพระสังข์ก็ถอดเงาะเอารูปเงาะซ่อนไว้ กลายเป็นรูปทองเข้ามาเล้าโลมนางรจนา ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมด้วยกัน พอรุ่งเช้าพระสังข์กลับสวมเงาะไว้เช่นเดิม เป็นเช่นนี้ทุกวัน นางรจนาจะอ้อนวอนให้ถอดรูปเงาะอย่างไร พระองค์ก็ไม่ฟังจนนางคิด “ จะลักรูปเงาะเผาเสียให้ได้” คืนหนึ่งนางรอให้พระสังข์นอนหลับสนิทก่อน แล้วออกมาหารูปเงาะ