วิวัฒนาการ
สำเนาศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหงราว พ.ศ. ๔๐๐ ไทยได้อพยพจากถิ่นเดิมมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ใกล้อาณาเขตมอญซึ่งกำลังเป็นชาติที่เจริญรุ่งเรือง
ในสมัยนั้นเริ่มแรกคงเริ่มเลียนแบบตัวอักษรมาจากมอญ ต่อมาราว พ.ศ. ๑๕๐๐ เมื่อขอมขยายอำนาจเข้ามาในดินแดนของคนไทย
ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม และได้ปกครองเมืองเชลียงและเมืองสุโขทัีย ไทยก็เริ่มดัดแปลงอักษรที่มีอยู่เดิมให้คล้ายกับอักษรขอม
วัดอักษรมอญและอักษรขอมที่เรานำมาดัดแปลง ใช้นั้นล้วนแปลงรูปมาจากอักษรพนามีของพวกพราหมณ์ซึ่งแพร่หลายในอินเดียตอนเหนือ
และอักษรสันสกฤตในสมัยราชวงค์ปัลลวะซึ่งแพร่หลายบริเวณ อินเดียตอนใต้ อักษรอินเดียทั้งคู่นี้ต่างก็รับแบบมาจากอักษรฟินิเซียนอีกชั้นหนึ่ง
อักษรเฟนีเซียนับได้ว่าเป็นอักษรที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นแม่แบบตัวอักษรของชาติต่างๆ ทั้งในเอเชียและยุโรปราว พ.ศ. ๑๘๒๖
พ่อขุนรามคำแหงทรงประดิษฐ์อักษรไทยที่เรียกกันว่า "ลายสือไทย" ขึ้น ซึ่งได้เค้ารูปจากอักษรอินเดียฝ่ายใต้
รวมทั้งอักษรมอญและเขมรที่มีอยู่เดิม (ซึ่งต่างก็ถ่ายแบบมาจากอักษรอินเดียฝ่ายใต้ทั้งสิ้น) ทำให้อักษรไทยมีลักษณะคล้ายคลึงกับอักษรทั้งสาม
แม้บางตัวจะไม่คล้ายกัน แต่ก็สามารถรู้ได้ว่าดัดแปลงมาจากอักษรตัวไหนอักษรไทยมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ ในสมัยพญาฦาไท ราว พ.ศ. ๑๙๐๐
มีการแก้ไขตัวอักษรให้ผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะการเพิ่มเชิงที่ตัว ญ ซึ่งใช้ติดต่อเรื่อยมาจนทุกวันนี้ คาดว่าน่าจะเอาอย่างมาจากเขมร
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว พ.ศ. ๒๒๒๓ ตัวอักษรเริ่มมีทรวดทรงดีขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งเค้าเดิม
มีบางตัวเท่านั้นที่แก้ไขผิดไปจากเดิม คือตัว ฎ และ ธ ซึ่งเหมือนกับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นักวิชาการจำนวนหนึ่งเชื่อว่า
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตัวอักษรและการใช้งานมีความคล้ายคลึงกับในปัจจุบันมากที่สุด