• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:f77df2c0f6ca24c9c2afdc5142f018ea' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\nความหยุมหยิม\n</p>\n<p>\nโคลนก้อนร้ายที่สุดอีกก้อน 1 ก็คือ ความหยุมหยิมซึ่งเป็นผลโดยตรงแห่งการถือตนเป็นสำคัญ อันเกิดจากความสงบศึกและความศิวิไลซ์ ในเวลาสงครามคนเราทุกคนมีกิจอันพึงกระทำทั้งด้วยกายและด้วยใจมากเกินไปที่จะนึกถึงตน และที่จริงถึงแม้ว่าอยากจะนึกก็นึกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกประเทศที่สงบศึกมานาน พลเมืองแห่งประเทศนั้นจึ่งกลายเป็นคนถือตนว่าสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่น เห็นแต่ประโยชน์ของตน มีความคิดแคบ ทั้งนิสัยก็หยุมหยิมมากขึ้นทุกวัน<br />\n          ในประเทศเราเองก็ดุจกัน ก่อนที่เราได้รับความ &quot;ศิวิไลซ์&quot; ถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าความสำราญใจในเวลาปรกติของเรา คงจะได้มีแก่เรามากกว่าเวลาบัดนี้เป็นแน่ เพราะว่าคงจะมิได้ยกตนให้สูงลอยถึงปานนี้ นิสัยใจคออันหยุมหยิมอย่างบัดนี้จึงมิได้มีแก่เรา ต่อเมื่อความ &quot;ศิวิไลซ์&quot; จากยุโรปมาถึงเราเข้าแล้ว สอนให้เรารู้สึกคุณแห่งความ &quot;ศิวิไลซ์&quot; ในทางที่ให้ความสุขสำราญส่วนตัว เมื่อนั้นเราจึ่งได้รู้สึกขึ้นมาว่าเราได้ละเลยประโยชน์ส่วนตัวของเราปานใด แต่นั้นมาเราก็มิได้เฉื่อยชา ประกอบกิจการทั้งปวงให้เจริญทันสมัย เพราะฉะนั้นในเวลาไม่ช้านัก เราทุก ๆ คนจึงได้ยกตนขึ้นไปลอยอยู่บนแท่นซึ่งเราได้ทำขึ้นไว้เองสำหรับตัวเรานั่ง เราได้ถึงแล้วซึ่งความ &quot;ศิวิไลซ์&quot; และด้วยเหตุนี้เราจึงได้กลายเป็นคนที่มีนิสัยหยุมหยิม<br />\n          บุคคลที่มีนิสัยหยุมหยิมนั้น ความจริงเป็นคนที่น่าขัน แต่บางทีก็เป็นอันตรายได้ เพราะว่าเขามักจะเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย กิจการใด ๆ ที่มีขึ้น ถ้าเขามิได้มีส่วนหรือเป็นตัวสำคัญอยู่ในกิจการนั้น ๆ แล้ว เขาเป็นไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น และเพื่อกั้นกางมิให้กิจการนั้นดำเนินไป เขาจะยับยั้งที่จะใช้อุบายแม้จะเลวทรามปานใดนั้นก็หาไม่ และกิจการนี้ถึงแม้จะเป็นของสำคัญสำหรับชาติปานใด ก็ไม่ประหลาดอะไร ถ้าเขาไม่มีส่วนอยู่ด้วยและจะไม่ได้รับความสรรเสริญเฉพาะตัวเขาแล้ว คนหยุมหยิมที่ว่านี้เป็นต้องไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น! ทั้งนี้ใช่ว่าเขาจะทำการโดยเปิดเผยก็หามิได้ เพราะการที่ทำเช่นนั้นถ้าไปเสียท่วงทีในการตอบโต้กัน ก็เป็นเสียรัศมีส่วนตัว คนชนิดนี้จึงพอใจทำการแต่ในที่มืด หรือจะใช้คำเปรียบให้สมสมัย ก็จะใช้ได้ว่าคนชนิดนี้พอใจขุดอุโมงค์วางดินระเบิดมากกว่าการประจัญบานด้วยดาบปลายปืนหรือยิงต่อสู้ด้วยปืนใหญ่<br />\n          กิจการอย่างใด ๆ มีบ้างหรือไม่ซึ่งเริ่มขึ้นในสมัยนี้ ที่มิได้มีผู้ &quot;ขุดอุโมงค์ทำลาย&quot; เช่นนั้น? การตั้งคณะเสือป่า ตามที่เราทั้งหลายย่อมรู้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็อาจจะยกขึ้นได้เป็นตัวอย่าง แต่เรื่องนี้ขอยุติกันที เพราะข้าพเจ้าหวังใจว่าเป็นเรื่องเก่าแล้ว และจะไม่มีใครฟื้นขึ้นมาอีก ส่วนความดำริของกรรมการราชนาวีสมาคมนั้น ประสบสมัยที่เหมาะกว่าการตั้งเสือป่า ด้วยเหตุว่าได้เริ่มจัดขึ้นในเวลาซึ่งผู้ที่มีสติปัญญาทั้งหลายพากันรู้สึกยุทธภัยว่ามีอยู่เพียงใด แต่ถึงกระนั้นราชนาวีสมาคมจะได้รอดพ้นจากคนขุดอุโมงค์วางดินระเบิดที่มีอยู่ทั่วไปนั้นก็หามิได้ อุทาหรณ์ต่าง ๆ ยังมีที่จะยกมากล่าวได้เป็นอันมาก แต่จะยกขึ้นมาทำไม อ่านมันก็ไม่สนุกดอกไม่ใช่หรือ?<br />\n          บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอถามท่านทั้งหลาย ว่าในการที่บรรพบุรุษของเราเมื่อ 2000 ปีมาแล้ว ได้พร้อมใจกันผละตัวออกหากจากความกดขี่ของเจ้าแผ่นดินจีน มาตั้งคณะเป็นใหญ่ให้นามว่าชาติไทยขึ้นนั้น มีลักษณะอันหยุมหยิมอยู่ในการนั้นบ้างหรือไม่? ในการที่พระร่วงเมืองละโว้ได้ตกลงพระทัยจะไม่ส่งส่วยน้ำไปยังเจ้ากรุงขอมผู้เป็นใหญ่ก็ดี เมื่อสมเด็จพระเจ้ารามาธิบดีที่ 1พระเจ้าอู่ทอง ได้ย้ายมาตั้งราชธานีในกรุงศรีอยุธยา คือตั้งราชอาณาจักรไทยขึ้นได้ ในสมัยที่ขอมผู้เป็นศัตรูยังมีอำนาจอยู่นั้นก็ดี หรือในการที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชผู้ทรงเป็นมหาวีรบุรุษแห่งชาติเราได้ทรงกู้เมืองเป็นอิสระไม่ยอมอ่อนต่อพระเจ้ากรุงหงสาวดี และทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยแก่พระมหาอุปราชาแห่งหงสาวดีก็ดี หรือในการที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงสถาปนาราชธานี ณ กรุงเทพมหานครนี้ก็ดี เหตุการณ์เหล่านี้ได้มีลักษณะอันหยุมหยิมบ้างหรือไม่? ข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะกล่าวว่าคำตอบปัญหานี้ล้วนเป็นคำปฏิเสธทั้งสิ้น!<br />\n          แต่ถ้าท่านจะพลิกอ่านพงศาวดารของเราดู ท่านจะเห็นได้ว่าก่อนหน้าที่จะเกิดความพินาศฉิบหายแก่เราคราวใด ต้องมีสมัยเวลาที่คนเราเกิดมีความหยุมหยิมยุยงคิดร้ายซึ่งกันและกัน อันเป็นผลแห่งความปรารถนาหาประโยชน์และความเป็นใหญ่ส่วนตัวทั้งสิ้น<br />\n          การเช่นนี้ จะเป็นอยู่เฉพาะชาติเราก็หามิได้ ย่อมเหมือนกันทั่วไปไม่ว่าในยุโรปหรืออาเซีย ชาติใดที่ได้มีความสงบศึกมานาน ชาตินั้นก็ย่อมหาความสำราญและประโยชน์ส่วนตัวทุกคน ความรักตัวมีมากขึ้น ความหยุมหยิมจึงเกิดมีตามมา และถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะมักคุยโตต่าง ๆเขาจะสามารถคิดกิจการให้ใหญ่โตเหมือนปากก็หามิได้ เมื่อกิจการทั้งปวงถูกมัดรัดแคบเข้ามาเพื่อประโยชน์อย่างเดียวคือ ประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ชาติที่แข็งแรงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะก้าวเข้ามาล้างชาติที่มีแต่คนบัดซบสำคัญว่าความเห็นของตนเป็นใหญ่ ไม่สามารถจะคิดอะไรให้ไกลไปกว่าตนเองได้\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<a href=\"http://null/node/48916\"></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/43176\">โคลนติดล้อ</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48916\">การเอาอย่างโดยไม่ไตร่ตรอง</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48948\">การทำตนให้ต่ำต้อย</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48958\">การบูชาหนังสือจนเกินเหตุ</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48969\">ความเป็นนิยมเสมียน</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48976\">ความเห็นผิด</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48982\">ถือเกียรติยศไม่มีมูล</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48991\">ความจนไม่จริง</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/48997\">แต่งงานชั่วคราว</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/49002\">ความรับผิดชอบขิงบิดามารดา</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/49005\">การค้าหญิงสาว</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/49010\">ความหยุมหยิม</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/49015\">หลักฐานไม่มั่นคง</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/49018\">ประวัติผู้แต่ง</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/49050\">การศึกษาของผู้แต่ง</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/51298\">บทวิเคราะห์</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/51301\">พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวกับหนังสือพิมพ์</a>\n</p>\n', created = 1715658452, expire = 1715744852, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:f77df2c0f6ca24c9c2afdc5142f018ea' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ความหยุมหยิม

ความหยุมหยิม

โคลนก้อนร้ายที่สุดอีกก้อน 1 ก็คือ ความหยุมหยิมซึ่งเป็นผลโดยตรงแห่งการถือตนเป็นสำคัญ อันเกิดจากความสงบศึกและความศิวิไลซ์ ในเวลาสงครามคนเราทุกคนมีกิจอันพึงกระทำทั้งด้วยกายและด้วยใจมากเกินไปที่จะนึกถึงตน และที่จริงถึงแม้ว่าอยากจะนึกก็นึกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกประเทศที่สงบศึกมานาน พลเมืองแห่งประเทศนั้นจึ่งกลายเป็นคนถือตนว่าสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่น เห็นแต่ประโยชน์ของตน มีความคิดแคบ ทั้งนิสัยก็หยุมหยิมมากขึ้นทุกวัน
          ในประเทศเราเองก็ดุจกัน ก่อนที่เราได้รับความ "ศิวิไลซ์" ถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าความสำราญใจในเวลาปรกติของเรา คงจะได้มีแก่เรามากกว่าเวลาบัดนี้เป็นแน่ เพราะว่าคงจะมิได้ยกตนให้สูงลอยถึงปานนี้ นิสัยใจคออันหยุมหยิมอย่างบัดนี้จึงมิได้มีแก่เรา ต่อเมื่อความ "ศิวิไลซ์" จากยุโรปมาถึงเราเข้าแล้ว สอนให้เรารู้สึกคุณแห่งความ "ศิวิไลซ์" ในทางที่ให้ความสุขสำราญส่วนตัว เมื่อนั้นเราจึ่งได้รู้สึกขึ้นมาว่าเราได้ละเลยประโยชน์ส่วนตัวของเราปานใด แต่นั้นมาเราก็มิได้เฉื่อยชา ประกอบกิจการทั้งปวงให้เจริญทันสมัย เพราะฉะนั้นในเวลาไม่ช้านัก เราทุก ๆ คนจึงได้ยกตนขึ้นไปลอยอยู่บนแท่นซึ่งเราได้ทำขึ้นไว้เองสำหรับตัวเรานั่ง เราได้ถึงแล้วซึ่งความ "ศิวิไลซ์" และด้วยเหตุนี้เราจึงได้กลายเป็นคนที่มีนิสัยหยุมหยิม
          บุคคลที่มีนิสัยหยุมหยิมนั้น ความจริงเป็นคนที่น่าขัน แต่บางทีก็เป็นอันตรายได้ เพราะว่าเขามักจะเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย กิจการใด ๆ ที่มีขึ้น ถ้าเขามิได้มีส่วนหรือเป็นตัวสำคัญอยู่ในกิจการนั้น ๆ แล้ว เขาเป็นไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น และเพื่อกั้นกางมิให้กิจการนั้นดำเนินไป เขาจะยับยั้งที่จะใช้อุบายแม้จะเลวทรามปานใดนั้นก็หาไม่ และกิจการนี้ถึงแม้จะเป็นของสำคัญสำหรับชาติปานใด ก็ไม่ประหลาดอะไร ถ้าเขาไม่มีส่วนอยู่ด้วยและจะไม่ได้รับความสรรเสริญเฉพาะตัวเขาแล้ว คนหยุมหยิมที่ว่านี้เป็นต้องไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น! ทั้งนี้ใช่ว่าเขาจะทำการโดยเปิดเผยก็หามิได้ เพราะการที่ทำเช่นนั้นถ้าไปเสียท่วงทีในการตอบโต้กัน ก็เป็นเสียรัศมีส่วนตัว คนชนิดนี้จึงพอใจทำการแต่ในที่มืด หรือจะใช้คำเปรียบให้สมสมัย ก็จะใช้ได้ว่าคนชนิดนี้พอใจขุดอุโมงค์วางดินระเบิดมากกว่าการประจัญบานด้วยดาบปลายปืนหรือยิงต่อสู้ด้วยปืนใหญ่
          กิจการอย่างใด ๆ มีบ้างหรือไม่ซึ่งเริ่มขึ้นในสมัยนี้ ที่มิได้มีผู้ "ขุดอุโมงค์ทำลาย" เช่นนั้น? การตั้งคณะเสือป่า ตามที่เราทั้งหลายย่อมรู้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็อาจจะยกขึ้นได้เป็นตัวอย่าง แต่เรื่องนี้ขอยุติกันที เพราะข้าพเจ้าหวังใจว่าเป็นเรื่องเก่าแล้ว และจะไม่มีใครฟื้นขึ้นมาอีก ส่วนความดำริของกรรมการราชนาวีสมาคมนั้น ประสบสมัยที่เหมาะกว่าการตั้งเสือป่า ด้วยเหตุว่าได้เริ่มจัดขึ้นในเวลาซึ่งผู้ที่มีสติปัญญาทั้งหลายพากันรู้สึกยุทธภัยว่ามีอยู่เพียงใด แต่ถึงกระนั้นราชนาวีสมาคมจะได้รอดพ้นจากคนขุดอุโมงค์วางดินระเบิดที่มีอยู่ทั่วไปนั้นก็หามิได้ อุทาหรณ์ต่าง ๆ ยังมีที่จะยกมากล่าวได้เป็นอันมาก แต่จะยกขึ้นมาทำไม อ่านมันก็ไม่สนุกดอกไม่ใช่หรือ?
          บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอถามท่านทั้งหลาย ว่าในการที่บรรพบุรุษของเราเมื่อ 2000 ปีมาแล้ว ได้พร้อมใจกันผละตัวออกหากจากความกดขี่ของเจ้าแผ่นดินจีน มาตั้งคณะเป็นใหญ่ให้นามว่าชาติไทยขึ้นนั้น มีลักษณะอันหยุมหยิมอยู่ในการนั้นบ้างหรือไม่? ในการที่พระร่วงเมืองละโว้ได้ตกลงพระทัยจะไม่ส่งส่วยน้ำไปยังเจ้ากรุงขอมผู้เป็นใหญ่ก็ดี เมื่อสมเด็จพระเจ้ารามาธิบดีที่ 1พระเจ้าอู่ทอง ได้ย้ายมาตั้งราชธานีในกรุงศรีอยุธยา คือตั้งราชอาณาจักรไทยขึ้นได้ ในสมัยที่ขอมผู้เป็นศัตรูยังมีอำนาจอยู่นั้นก็ดี หรือในการที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชผู้ทรงเป็นมหาวีรบุรุษแห่งชาติเราได้ทรงกู้เมืองเป็นอิสระไม่ยอมอ่อนต่อพระเจ้ากรุงหงสาวดี และทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยแก่พระมหาอุปราชาแห่งหงสาวดีก็ดี หรือในการที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงสถาปนาราชธานี ณ กรุงเทพมหานครนี้ก็ดี เหตุการณ์เหล่านี้ได้มีลักษณะอันหยุมหยิมบ้างหรือไม่? ข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะกล่าวว่าคำตอบปัญหานี้ล้วนเป็นคำปฏิเสธทั้งสิ้น!
          แต่ถ้าท่านจะพลิกอ่านพงศาวดารของเราดู ท่านจะเห็นได้ว่าก่อนหน้าที่จะเกิดความพินาศฉิบหายแก่เราคราวใด ต้องมีสมัยเวลาที่คนเราเกิดมีความหยุมหยิมยุยงคิดร้ายซึ่งกันและกัน อันเป็นผลแห่งความปรารถนาหาประโยชน์และความเป็นใหญ่ส่วนตัวทั้งสิ้น
          การเช่นนี้ จะเป็นอยู่เฉพาะชาติเราก็หามิได้ ย่อมเหมือนกันทั่วไปไม่ว่าในยุโรปหรืออาเซีย ชาติใดที่ได้มีความสงบศึกมานาน ชาตินั้นก็ย่อมหาความสำราญและประโยชน์ส่วนตัวทุกคน ความรักตัวมีมากขึ้น ความหยุมหยิมจึงเกิดมีตามมา และถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะมักคุยโตต่าง ๆเขาจะสามารถคิดกิจการให้ใหญ่โตเหมือนปากก็หามิได้ เมื่อกิจการทั้งปวงถูกมัดรัดแคบเข้ามาเพื่อประโยชน์อย่างเดียวคือ ประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ชาติที่แข็งแรงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะก้าวเข้ามาล้างชาติที่มีแต่คนบัดซบสำคัญว่าความเห็นของตนเป็นใหญ่ ไม่สามารถจะคิดอะไรให้ไกลไปกว่าตนเองได้

 

 

โคลนติดล้อ

การเอาอย่างโดยไม่ไตร่ตรอง

การทำตนให้ต่ำต้อย

การบูชาหนังสือจนเกินเหตุ

ความเป็นนิยมเสมียน

ความเห็นผิด

ถือเกียรติยศไม่มีมูล

ความจนไม่จริง

แต่งงานชั่วคราว

ความรับผิดชอบขิงบิดามารดา

การค้าหญิงสาว

ความหยุมหยิม

หลักฐานไม่มั่นคง

ประวัติผู้แต่ง

การศึกษาของผู้แต่ง

บทวิเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวกับหนังสือพิมพ์

สร้างโดย: 
วราพร

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 514 คน กำลังออนไลน์