ถือเกียรติยศไม่มีมูล

ถือเกียรติยศไม่มีมูล

เรื่องที่ข้าพเจ้าจะกล่าวในบทนี้  ก็คือการถือเกียรติยศไม่มีมูล คือ เกียรติยศซึ่งทำให้ผู้ที่ถือนั้นกลายเป็นคนที่น่าขันแก่ผู้ที่เขาเป็นกลางคอยดูอยู่ ลักษณะพิเศษอันหนึ่งแห่งความเจริญในสมัยนี้ที่เรียกว่าความ .ศิวิไลซ์. นั้น คือ มีคนตั้งตนเองขึ้นว่าเป็นคนฉลาดและได้ศึกษา ตีราคาตนเองและความสามารถของตนสูงเกินกว่าที่ผู้อื่นเขาเห็น จึ่งทำให้รู้สึกตนไม่แต่เสมอกับคนอื่น กลับสูงยิ่งไปกว่าคนทั้งปวง อันเป็นเหตุให้เกิดความเย่อหยิ่งอันไม่มีมูล ซึ่งทำให้เขาเองหมดสง่า เป็นที่น่าเย้ยหยันแก่คนทั้งหลาย แต่ความรู้สึกตนสำคัญของเขานั้นเอง เปรียบประหนึ่งผ้าผูกตาที่ทำให้เขาไม่แลเห็นตัวเขาเองได้ดังที่คนอื่นเห็นเขา คนที่หยิ่งและนึกว่าตัวสำคัญเช่นนี้ย่อมเป็นผู้ที่มีความคิดแคบและมีนิสัยหยุมหยิม ซึ่งนอกจากที่ทำให้ตัวเป็นที่น่าหัวเราะแก่คนทั้งหลาย ยังอาจจะให้ผลร้ายกีดขวางทางเจริญแห่งชาติได้ ซึ่งตัวเขาเองคิดแคบเกินไปที่จะเล็งเห็น แต่ข้อนี้เป็นเรื่องนิสัยหยุมหยิมของคน ซึ่งให้ผลร้ายได้มาก ดังข้าพเจ้าจะได้แสดงในบทหนึ่งต่างหาก ในที่นี้ข้าพเจ้าจะขอกล่าวแต่ในส่วนที่ชวนหัวยิ่งกว่าสิ่งอื่น
การที่จะพิจารณาโดยพิสดาร  ถึงเหตุผลที่บันดาลให้เกิดถือเกียรติยศอันไม่มีมูลนี้  ก็จะเปลืองที่กินหน้ากระดาษมากนัก ข้าพเจ้าจะขอกล่าวแต่เพียงว่า  การถือเกียรติยศอันไม่มีมูลเป็นผลแห่งความนิยมในส่วนตัวบุคคลซึ่งเกิดขึ้นจากความรุ่งเรือง  อันเป็นเหตุให้คนนึกถึงตัวเป็นสำคัญและประเสริฐที่สุดในโลก ลัทธิความเสมอภาคที่คนพอใจพูดถึงเนืองๆ เข้าใจน้อยที่สุด และพาให้ผู้อื่นเข้าใจผิดไปด้วยนั้น เป็นบ่อเกิดแห่งความคิดอันน่าขันในเรื่องการถือเกียรติยศอันไม่มีมูล เพื่อขีดค้นข้อความที่จะต้องพิจารณาในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจะขอกล่าวแต่เฉพาะที่เราเห็นได้อยู่ในเมืองไทย
ในเมื่อไม่สู้จะช้านานนัก  ได้มีหนังสือพิมพืบางฉบับในเมืองเราได้แสดงโอวาทซึ่งข้าพเจ้าใคร่จะเรียกว่า "ลัทธิอคารโว" ซึ่งข้าพเจ้าจะขอยกขึ้นกล่าวแต่ข้อสำคัญโดยย่อดังต่อไปนี้
(๑) คนย่อมเสมอกันหมดโดยกำเนิด ความไม่เสมอกันย่อมบังเกิดขึ้นต่อภายหลัง เพราะความสามารถแห่งคนต่างกัน เพราะฉะนั้น
(๒) การที่จะแสดงความเคารพต่อผู้ใดด้วยวาจาก็ดี ด้วยกิริยา คือ คำนับหรือก้มศีรษะก็ดี เป็นเครื่องแสดงความต่ำต้อย ไม่สมควรแก่เกียรติยศของผู้ที่มีสติปัญญา
ตามลัทธินี้ฟังดูก็เรียบร้อยดีอย่างลัทธิทั้งปวง  แต่ครั้นเมื่อนำมาใช้เข้าจริงจัง ก็เห็นได้ว่า เป็นลัทธิที่ผิดเกือบตลอดต้นจนปลาย ความผิดในเรื่องนี้ย่อมอยู่แก่ผู้สอน  ซึ่งมีความคิดแคบเกินไปที่จะใช้ลัทธินี้โดยกว้างขวางได้  ลัทธินี้ซึ่งมิได้เกิดขึ้นในพื้นเมืองเรา ก็ยากที่ผู้ซึ่งตั้งตนเป็นอาจารย์นั้นจะเข้าใจได้ เพราะเขาเป็นคนหนังสือพิมพ์ คนไทยบ้าง ครึ่งไทยบ้าง นอกจากพวกหนังสือพิมพ์นี้แล้ว ยังมีข้าราชการอยู่จำพวกหนึ่ง ซึ่งมีความนิยมไปในทางผิด  อันเป็นลักษณะอันหนึ่งแห่งการศึกษาในปัจจุบันสมัยไปเชื่อถือเลื่อมใสในลัทธินี้เข้าด้วย  จึงเป็นเหตุให้ลัทธินี้มีรากฝังอยู่ได้แน่นหนา  เกินกว่าคุณความดีแห่งลัทธินั้นเองจะเป็นไปได้
เพราะฉะนั้นต่อมาในไม่ช้า  จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่า ถ้าจะแสดงตนว่าเป็นคนมีสติปัญญาและได้รับความศึกษาแล้ว  ก็จำเป็นต้องแสดงกิริยาวาจาอันหยาบคาย ปราศจากความนับถือต่อผู้ที่มีอายุ หรือผู้ที่สูงกว่า ร้ายกว่านั้น ถ้าผู้ใดไปหาใครที่บ้าน แม้จะไปด้วยความรักใคร่ชอบพอกัน ก็ถูกเรียกว่าเป็นหัวประจบ ส่วนอาการที่แสดงคารวะต่อผู้หนึ่งผู้ใดนั้น  เป็นธรรมเนียมที่ไม่ใช้กันเสียเลย จนแม้แต่จะไหว้บิดามารดาของตนเองก็กลายเป็นการประจบ! ในสมัยที่นับว่าลัทธินี้ได้ถึงซึ่งความรุ่งเรืองที่สุดนั้น คนถึงกับต้องหลีกเลี่ยงไม่พบปะกัน ด้วยความกลัวจะถูกเรียกว่าหัวประจบ การระส่ำระสายในทางคบหาสมาคมกันในกรุงเทพฯ และเห็นได้ชัด จนแทบจะอยากออกไปอยู่เสียให้พ้นในกลางทะเลทรายสะฮารา ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นที่ที่หนีพ้นจากนัยน์ตาของพวกหัวโจกอาจารย์ใหญ่ที่คัดค้านการ "ป.จ." การเป็นอยู่อย่างนี้ จนเหลือที่จะทนทานได้ บางคนก็ได้แสดงอาการกระสับกระส่าย  จนบังเอิญเป็นโชคดีที่บังเกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างหนึ่งในขณะ ซึ่งข้าพเจ้าไม่อยากจะกล่าวโดยพิศดาร  เพราะไม่อยากจะทำให้ผู้ใดขัดเคือง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ทำประโยชน์ให้ความนิยมในการกล่าวโทษ "ป.จ." นั้นเสื่อมถอยลง และตั้งแต่นั้นมา ลัทธิกล่าวโทษ "ป.จ." จึงไม่สู้จะรุกรานเหมือนแต่ก่อน
คิดไปก็น่าขัน  ที่มีคนบางคนช่างวุ่นวายเสียจริง ๆ ในเรื่องการแสดงความเคารพ บางทีจะยังมีพวกสมาชิกเสือป่าอีกหลายคนที่ยังจำได้ว่า ปัญหาเรื่องการเคารพนี้ได้เกิดขึ้นอย่างยุ่งเหยิงปานใดในเมื่อเริ่มตั้งคณะเสือป่ามีคนชั้นผู้ใหญ่อยู่สองสามคนซึ่งแสดงกิริยาว่าไม่พอใจเลย เพราะว่าผู้น้อยไม่คำนับตน และใช่แต่เท่านั้น ตนต้องกลับคำนับผู้น้อยนั้นอีกด้วยในเวลาที่เข้าแถว แต่ข้อที่ผู้น้อยนั้นมียศสูงกว่าทางเสือป่า และตนเป็นแต่พลเสือป่าเท่านั้น ไม่เป็นข้อสำคัญพอที่จะต้องคำนึงถึง
ในเรื่องนี้ ท่านผู้อ่านควรจะรู้สึกเบาใจได้อย่างหนึ่ง ว่าการถือเกียรติยศไม่มีมูลเช่นนี้ หาได้มีอยู่ในประเทศเราเมืองเดียวไม่ ในเมืองอังกฤษตามที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งพึ่งมาถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปรากฏว่าได้มีคนออกความเห็นโต้เถียงกันเป็นเรื่องใหญ่ในหนังสือพิมพ์ "อิเวนิงสแตนดาร์ด" ในเรื่องธรรมเนียมการคำนับ ผู้หนึ่งแสดงความเห็นว่า "การคำนับเป็นเครื่องหมายว่าพลทหารเป็นบ่าวนายทหาร ซึ่งบางทีจะเป็นของจำเป็นแต่ในสมัยโน้น  แต่ในเวลานี้คนเรามีสติปัญญาขึ้นแล้ว การคำนับจึงไม่จำเป็นต่อไปและไม่เป็นของที่พึงปรารถนาด้วย" ผู้แสดงความเห็นนี้ได้กล่าวต่อไปว่า "การที่ต้องคำนับคนซึ่งตามปรกติเราไม่ใฝ่ฝันจะเชิญให้เยียบบ้านเรานั้น อยู่ข้างจะทำให้รู้สึกขนลุกขนพองอย่างไร"
ตามความเห็นของคนที่มีความคิดแคบเช่นนี้ นายคีเบอลเฮาวาร์ด ได้ตอบอย่างน่าฟังในหนังสือ "สเกตช์"  ซึ่งข้าพเจ้าอดนำถ้อยคำของเขามาลงไม่ได้ เพื่อประโยชน์แห่งผู้ที่แสดงตนว่าเป็นเจ้าสติปัญญาของเราทั้งหลายดังต่อไปนี้
"ท่านผู้นี้ได้แสดงความเข้าใจผิดในเรื่องนี้ตลอดเรื่อง การคำนับนั้นจะนับว่าเป็นเครื่องหมายว่าพลทหารเป็นบ่าวนายทหารนั้นไม่ถูกอย่างยิ่ง และการคำนับผู้ใดผู้หนึ่งนั้น ข้อสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเรานับถือเขาส่วนตัวหรือไม่
การคำนับย่อมเป็นเกียรติยศแก่ผู้ที่คำนับ มากกว่าผู้ที่รับคำนับ ผู้ใดมีความคิดอันชอบแล้ว ย่อมจะได้รู้สึกภูมิใจในทุกคราวที่เขาคำนับนายทหารของเขา ทุกคนหรือ แทบจะทุกคนที่ได้เคยคำนับย่อมได้รับความรู้สึกอันนี้มาแล้วเป็นแน่นอน เพราะเหตุใด? เพราะเหตุว่าการคำนับนั้นแปลว่า ข้าพเจ้าทำกิริยาเช่นนี้  เพื่อแสดงให้ปรากฏซึ่งความจงรักภักดีของข้าพเจ้าต่อสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน และกองทัพของพระองค์ท่าน ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งซึ่งท่านจะไว้ใจได้ในเวลาเข้าชิงชัย และข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นโดยกิริยาอย่างนี้ว่า ท่านจะไว้ใจข้าพเจ้าได้โดยเต็มที่! นี้แหละเป็นหัวใจแห่งการคำนับ ขอให้ทิ้งความคิดอย่างห่ามที่เห็นว่าการคำนับนั้นเป็นอาการของทาส หรือเป็นการเฉพาะส่วนตัวนั้นเถิด ข้าพเจ้าขอวิงวอนให้ช่วยกันถือเอาโอกาสซึ่งสงครามคราวนี้ได้ให้แก่เราทั้งหลาย ให้กลายเป็นคนที่มีความคิดอันกว้างขวาง แม้จะเป็นอยู่ได้แต่ชั่วคราวก็ตามทีเถิด"
ถ้อยคำข้างบนนี้ ถึงแม้ว่าเขากล่าวสำหรับเตือนคนอังกฤษ  ก็ใช้ได้ดีสำหรับเราคนไทยเหมือนกัน ข้าพเจ้าหวังใจว่าท่านผู้อ่านจะช่วยให้ข้าพเจ้าให้ถ้อยคำเหล่านี้ถึงหูคนที่ควรจะถึง คือคนที่ทำตัวของเขาให้เป็นที่น่าขันด้วยเหตุที่เขาไว้เกียรติยศโดยไม่มีมูลนั้นแล
คนเราถึงจะเป็นใหญ่ปานใดก็ดี  ยังคงมีผู้ใดหรือสิ่งใดที่ใหญ่กว่า ซึ่งถ้าเป็นผู้มีความคิดชอบก็จะต้องเคารพนับถือ แม้องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เจ้าของเรา ที่เรานิยมว่าประเสริฐกว่ามนุษย์ทั้งปวง ก็ยังทรงแสดงคารวะต่อพระธรรมซึ่งพระองค์ได้ทรงสั่งสอนมนุษย์  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทั้งหลาย พระองค์ดำรงความเป็นใหญ่ยิ่งในแดนไทยจะหาใครเสมอเหมือนไม่มีแล้ว พระองค์ก็ยังทรงแสดงความเคารพต่อสมเด็จพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ พระสงฆ์ทั้งปวง และพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ ทั้งพระองค์ทรงคำนับธงชัยเฉลิมพลทหารบก และธงทหารเรือ และไม่ว่าใครที่ถวายคำนับหรือถวายบังคมในเวลาที่เสด็จผ่าน พระองค์ก็ทรงรับคำนับอยู่เป็นนิตย์ ในการที่ทรงกระทำเช่นนี้ใครจะคิดหรือว่าพระองค์ได้ทรงทำให้เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศด้วยประการใด ๆ? กลับตรงกันข้าม ทุกสมัยทุกคราวที่พระองค์ทรงแสดงความนับถือแก่ผู้ใด การที่ทรงแสดงก็เพิ่มพูนพระเกียรติยศ พระเกียรติคุณ ทุกคราวทุกสมัย เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสำแดงคุณสมบัติอันเป็นลักษณะแห่งพระราชาอย่างหนึ่ง ซึ่งบรรดาปราชญ์ในโบราณสมัยได้สรรเสริญ กล่าวคือการถ่อมพระองค์ ถึงแม้ว่าจะไปแห่งใด ๆ การถ่อมตนหรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่าการแสดงกิริยาเรียบร้อย เป็นของที่นิยมกันว่าเป็นความดี ซึ่งผู้ที่มีสติปัญญาทั้งหลายย่อมสรรเสริญ และซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้ที่แสดงกิริยาเช่นนั้นเป็นที่รักใคร่แก่คนทั้งปวง คงมีแต่คนที่มีความคิดแคบ ความรู้ตื้นในความผิดและชอบ คือคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างบกพร่อง เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งโดยไม่มีมูลปราศจากสติปัญญาสามารถ จึงต้องการใช้การไว้เกียรติยศโดยไม่มีมูลนี้เป็นเครื่องปกปิดความบกพร่องของตน ซึ่งดูไม่งดงามราวกับสวมเสื้อที่ฝีมือทำเลว ทำให้ผู้สวมนั้นเองเป็นที่น่าเย้ยหยันแก่คนทั้งปวง

 

โคลนติดล้อ

การเอาอย่างโดยไม่ไตร่ตรอง

การทำตนให้ต่ำต้อย

การบูชาหนังสือจนเกินเหตุ

ความเป็นนิยมเสมียน

ความเห็นผิด

ถือเกียรติยศไม่มีมูล

ความจนไม่จริง

แต่งงานชั่วคราว

ความรับผิดชอบขิงบิดามารดา

การค้าหญิงสาว

ความหยุมหยิม

หลักฐานไม่มั่นคง

ประวัติผู้แต่ง

การศึกษาของผู้แต่ง

บทวิเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวกับหนังสือพิมพ์

สร้างโดย: 
วราพร

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 401 คน กำลังออนไลน์