ดาวศุกร์ (Venus)
เป็นดาวที่สุกสว่างที่สุดบนท้องฟ้า
โดยมีความสว่างเป็นรองเพียงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เท่านั้น
ผู้คนในสมัยโบราณจึงเชื่อว่าดาวศุกร์เป็นเทพธิดาแห่งความรัก
ชาวไทยสังเกตดาวศุกร์มาช้านานเช่นกัน
สังเกตได้จากการเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาเช้าว่า
ดาวประกายพรึก
และเรียกดาวศุกร์ที่ปรากฏในเวลาพลบค่ำว่า
ดาวประจำเมือง
ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้เรียกมาตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคือดาวดวงเดียวกัน |
|
ดาวศุกร์โคจรอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ออกมาเป็นอันดับที่สองถัดจากดาวพุธ
ที่ระยะห่างเฉลี่ย 110
ล้านกิโลเมตรจากดวงอาทิตย์
ระยะเวลา 1
ปีของดาวศุกร์เป็นเวลาประมาณ
224 วันของโลก
มีคำกล่าวว่าดาวศุกร์เป็น “ดาวน้องสาวของโลก”
เนื่องจากดาวศุกร์มีลักษณะทางกายภาพหลายประการคล้ายคลึงกับโลกของเรา
กล่าวคือ
ขนาดและมวลของดาวศุกร์น้อยกว่าโลกเพียงเล็กน้อย
อีกทั้งดาวศุกร์ยังเป็นดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรอยู่ใกล้โลกมากที่สุด
โดยที่จุดที่อยู่ใกล้ที่สุดจะอยู่ห่างไปเพียง
40 ล้านกิโลเมตร
นอกจากนี้พื้นผิวของดาวศุกร์มีภูเขาไฟระเบิด
และมีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกดาวอยู่จนถึงปัจจุบันเช่นเดียวกับโลก
ต่างจากดาวเคราะห์แข็งดวงอื่น
ๆ
ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาในระดับผิดดาวมาเป็นเวลานานแล้ว |
|
บรรยากาศของดาวศุกร์ |
|
ดาวศุกร์ส่องสว่างมากเพราะมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยเมฆหนาทึบ
ทำให้สะท้อนแสงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี
แต่เมฆหน้าทึบนี้ก็เป็นอุปสรรค์ในการสังเกตพื้นผิวดาวจากโลก
ในช่วงก่อนทศวรรษ 1960
นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าใต้ชั้นเมฆหนาทึบนั้นอาจจะเป็นผิวดาวที่มีน้ำและชีวิตในลักษณะเดียวกับโลกก็เป็นได้
ในเวลานั้นการสำรวจพื้นผิวดาวศุกร์ทำได้โดยใช้เรดาร์เท่านั้น
เพราะมีเพียงเรดาร์ที่สามารถส่องทะลุชั้นเมฆหนาแน่นได้
แต่เรดาร์ก็มีความละเอียดต่ำมาก
จึงใช้สำรวจภูมิประเทศได้แต่เพียงหยาบ
ๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1962
ประเทศสหรัฐอเมริกาส่งนายอวกาศลำแรกไปสำรวจดาวศุกร์
คือ ยานมารีเนอร์ 2 (Mariner
2) และในปี ค.ศ.1975
ประเทศรัสเซียก็ส่งยานเวเนอรา
7 (Venera 2)
ลงไปจอดบนผิวดาวได้เป็นครั้งแรก
ข้อมูลจากยานเวเนอราทำให้นักดาราศาสตร์ทราบความจริงว่า
พื้นผิวดาวศุกร์ที่เคยคาดว่าเหมาะสมกับการดำรงชีพเช่นเดียวกับโลกกับกลายเป็นพื้นผิวที่ไม่ต่างจากลักษณะของขุมนรกในจินตนาการ |
พื้นผิวของดาวศุกร์มีอุณหภูมิค่อนข้างคงที่
มีอุณหภูมิเฉลี่ย 464
องศาเซลเซียส (737 เคลวิน)
ซึ่งร้อนพอที่จะหลอมตะกั่วได้
และมีความดันสูงถึง 92
เท่าของความดันบรรยากาศโลก
ซึ่งเทียบได้กับความดันของน้ำได้ทะเลที่ความลึกถึง
900 เมตร
บรรยากาศเกือบทั้งหมดประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(96.5%)
และมีก๊าซไนโตรเจนปะปนอยู่เป็นส่วนน้อย
(3.5%)
ผิดดาวศุกร์มีภูเขาไฟระเบิดและธารลาวาไหลอยู่ทั่วไป |
|
|
ดาวศุกร์มีลีกษณะการหมุนรอบตัวเองที่แปลกกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น
ๆ คือ หมุนรอบตัวเองช้ามาก
วันหนึ่งของดาวศุกร์มีความยาว
243 วันของโลก
ดาวศุกร์จึงเป็นดาวที่เวลา 1
วัน นานกว่า 1 ปี
นอกจากนี้ดาวศุกร์ยังหมุนรอบตัวเองตามเข็มนาฬิกา
ซึ่งกลับข้างกับดาวเคราะห์ดวงอื่น
ๆ ที่หมุนทวนเข็มนาฬิกา |
ดาวศุกร์แทบไม่มีสนามแม่เหล็กอยู่เลย
คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้ามาก
ผลอีกประการหนึ่งของการที่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองช้า
คือพื้นผิวดาวศุกร์มีลมพัดเพียงเอื่อย
ๆ เท่านั้น
ทำให้พื้นผิวดาวยิ่งร้อนระอุขึ้นไปอีก |
|
|
การสังเกตดาวศุกร์ |
ดาวศุกร์สังเกตได้ง่ายเพราะสว่างมาก
โดยจะปรากฏอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับดาวพุธ
เนื่องจากทั้งสองเป็นดาวเคราะห์วงในเหมือนกัน
ดาวศุกร์มีวงโคจรที่ใหญ่กว่าดาวพุธ
จึงปรากฏอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุดได้ถึง
46 องศา
เราจึงสามารถสังเกตดาวศุกร์ได้ในช่วงเวลาประมาณ
3 ชั่วโมงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
หรือ 3
ชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ตกเท่านั้น
ขึ้นอยู่กับว่าดาวศุกร์ปรากฏอยู่ทางด้านตะวันออกหรือตะวันตกของดวงอาทิตย์
สังเกตว่าดาวศุกร์จะไม่เคยปรากฏให้เห็นอยู่กลางท้องฟ้า
หรือปรากฏให้เห็นในเวลาดึก ๆ
เลย |
|