ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์
ค.ศ.1930 ทอมโบได้ค้นพบดาวริบหรี่ที่เคลื่อนที่ไประหว่างภาพที่ถ่ายในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์
จึงได้ติดตามคำนวณวงโคจรและค้นพบว่าวัตถุใหม่นี้โคจรอยู่ไกลออกไปจากวงโคจรของดาวเนปจูน
หอดูดาวโลเวลล์ได้ประกาศการค้นพบนี้ในวันที่
13 มีนาคม
อันเป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่
75 ของเพอร์ชิวัล โลเวลล์
ซึ่งพักผ่อนชั่วนิรันดร์อยู่ข้างหอดูดาวยองเขานั่นเอง |
|
ดาวเคราะห์ดวงใหม่ได้รับการตั้งชื่อว่า พลูโต (Pluto)
ซึ่งเป็นเทพผู้ครองนครบาดาลในตำนานโรมัน (ในตำนานกรีกเรียกว่า Hades)
เนื่องจากดาวพลูโตอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ไปมาก
จึงมีสภาพหนาวเย็นและมืดมิดคล้ายกับเมืองบาดาลในจินตนาการ
นอกจากนี้ตัวอักษรสองตัวแรกของชื่อดาวพลูโต (Pluto) ยังพ้องกับชื่อย่อของ
เพอร์ชิวัล โลเวลล์ (Percival Lowell PL) อีกด้วย |
|
ดาวพลูโตโคจรอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เฉลี่ยเกือบ
6,000 ล้านกิโลเมตร หรือ 40
เท่าของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์
โดยใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ
248 ปี ที่ระยะห่างดังกล่าว
แม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ใช้เวลาถึง
5 ชั่วโมง 25 นาที
จึงจะเดินทางไปถึง |
มนุษย์ไม่เคยส่งยานอวกาศลำใดไปสำรวจดาวพลูโต
เราจึงแทบมีมีข้อมูลของดาวอยู่เลย
แม้จะใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ที่สุดบนโลกสังเกต
ดาวพลูโตก็ยังเป็นเพียงจุดสว่าง
หรือเม็ดกลมเล็กแทบไม่เห็นรายละเอียดใด
ๆ อย่างไรก็ตาม
จากการศึกษาลักษณะวงโคจรและการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เข้าช่วย
นักดาราศาสตร์ได้พบว่าดาวพลูโตครองตำแหน่งชนะเลิศของความเป็น
“ที่สุด”
หลายประการในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งปวง
กล่าวคือ |
ดาวพลูโตจะมีบรรยากาศบ้างเมื่อดาวอยู่ในช่วงที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด
(ครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1989
และครั้งต่อไปในปี ค.ศ. 2237)
เพราะอุณหภูมิจะอุ่นพอที่จะทำให้ก๊าซแข็งบนผิวดาวระเหิดขึ้นมาได้บ้าง
แต่ก็เป็นเพียงบรรยากาศที่เบาบางมากเท่านั้น
(ประมาณ 1 ใน 300,000
เท่าของความดันบรรยากาศที่ผิวโลก)
และเมื่อดาวพลูโตเคลื่อนที่ออกห่างจากดวงอาทิตย์
บรรยากาศที่ยังไม่หลุดลอยออกไปจากตัวดาวก็จะแข็งตัวตกกลับลงมาอีกครั้ง |
|
|
ดวงจันทร์ของดาวพลูโต |
ดาวพลูโตมีดวงจันทร์หนึ่งดวง คือ แครอน (Charon)
ซึ่งค้นพบในปี ค.ศ. 1978 โดย เจมส์ คริสตี (James
Christy) แห่งหอดูดาวกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา (The
United States Naval Observatory)
ด้วยวิธีเดียวกับที่ทอมโบค้นพบดาวพลูโต คือ
การถ่ายภาพบริเวณเดียวกันโดยเว้นระยะห่างช่วงเวลาหนึ่งและนำภาพมาแสดงสลับไปมา
คริสตีได้พบว่าดาวภาพของดาวพลูโตไม่กลม
แต่ปรากฏคล้ายมี “ติ่ง” ยื่นออกมา
แสดงให้เห็นว่าดาวพลูโตมีดวงจันทร์บริวาร
กล้องโทรทรรศน์ในขณะนั้นยังไม่มีกำลังแยกภาพ
สูงพอที่จะสามารถแยกดาวพลูโตและดวงจันทร์ออกจากกันได้ |
แครอนเป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับดาวพลูโตซึ่งเป็นดาวเคราะห์แม่
โดยมีขนาดถึงครึ่งหนึ่ง (49%) ของดาวพลูโต
(ในขณะที่ดวงจันทร์ของเรามีขนาดเพียง 27%
หรือประมาณ 1 ใน 3 ของขนาดโลกเท่านั้น)
เมื่อมองจากโลก
ดาวพลูโตและแครอนจึงปรากฏเป็นดาวคู่แฝดที่อยู่ห่างกันประมาณ
0.9 อาร์ควินาที (0.0025
องศา)เทียบได้กับขนาดของเหรียญบาทที่อยู่ห่างออกไปถึง
4.8 กิโลเมตร |
นักดาราศาสตร์ทราบแต่เพียงว่าแครอนมีความหนาแน่นเฉลี่ยประมาณ
2 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร เช่นเดียวกับดาวพลูโต
จึงคาดการณ์ได้ว่าน่าจะมีลักษณะภายในคล้ายกัน |
|
การสังเกตดาวพลูโต |
|
ดาวพลูโตสังเกตได้ยากมาก
เพราะดาวพลูโตมีความสว่างสูงที่สุดเพียงแมกนิจูด
+13.6 หรือจางกว่าดาวชิริอุสถึงหนึ่งล้านเท่า
แต่อย่างไรก็ตาม
การสังเกตดาวพลูโตก็ยังอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้สำหรับนักดาราศาสตร์สมัครเล่นที่มีความมุ่งมั่น(และมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม) |