ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ศูนย์กลางของระบบสุริยะ
เนื้อสารส่วนใหญ่ของระบบสุริยะอยู่ที่ดวงอาทิตย์
คือ มีมากถึง 99.87%
เป็นมวลสารดาวเคราะห์รวมกันอย่างน้อยกว่า
0.13%
ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็ก
เมื่อเทียบกับดาวฤกษ์อื่น ๆ
บนฟ้า
แต่เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด
จึงปรากฏเป็นวงกลมโต
บนฟ้าของโลกเพียงดวงเดียว
ดาวฤกษ์อื่นปรากฏเป็นจุดสว่าง
เพราะอยู่ไกลมาก
ขนาดที่แท้จริงโตกว่าโลกมาก
มีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 109
เท่าของโลก |
|
|
ดวงอาทิตย์สร้างพลังงานขึ้นมาเองโดยการเปลี่ยนเนื้อสารเป็นพลังงานตามสมการของไอน์สไตน์
E = mc2 (E คือพลังงาน, m คือ
เนื้อสาร, และ c คือ
อัตราเร็วของแสงสว่างในอวกาศซึ่งมีค่าประมาณ
300,000 กิโลเมตรต่อวินาที)
บริเวณที่เนื้อสารกลายเป็นพลังงาน
คือ
แกนกลางซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง
15 ล้านองศาเซลเซียส ณ
แกนกลางของดวงอาทิตย์มีระเบิดไฮโดรเจนจำนวนมาก
กำลังระเบิดเป็นปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์
ที่ไฮโดรเจนหลอมรวมกันกลายเป็นฮีเลียม
ในแต่ละวินาทีไฮโดรเจนจำนวน 4
ล้านตันกลายเป็นพลังงาน ใน 1
ปีดวงอาทิตย์เมื่อเทียบกับมวลสารของดวงอาทิตย์ทั้งหมด
2 x 1027 ตัน หรือ 2,000
ล้านล้านล้านตัน หรือ 332,946
เท่าของโลก |
ที่ผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิประมาณ
5,700 องศาเซลเซียส
หรือประมาณ 6,000 เคลวิน
ดวงอาทิตย์จึงถูกจัดเป็นดาวฤกษ์สีเหลือง
มีอายุประมาณ 5,000 ล้านปี
เป็นดาวฤกษ์หลัก
อยู่ในช่วงกลางของชีวิต ในอีก
5,000 ล้านปี ดวง
อาทิตย์จะจบ
ชีวิตลงด้วยการขยายตัวแต่จะไม่ระเบิด
เพราะแรงโน้มถ่วงมีมากกว่าแรงดัน
ในที่สุด
ดวงอาทิตย์จะยุบตัวลงอย่างสงบกลายเป็นดาวขนาดเล็ก
เรียกว่า ดาวแคระขาว |
|
การถ่ายทอดพลังงานจากแกนกลางสู่ผิวต้องผ่านชั้นที่อยู่เหนือแกนกลางที่
เรียกว่า แถบการแผ่รังสี
ซึ่งเป็นแถบที่กว้างไกลมากเหนือแถบการแผ่รังสีคือ
แถบการพา
โดยการหมุนเวียนของก๊าซร้อน
จุดบนดวงอาทิตย์
ผิวของดวงอาทิตย์ที่เราสังเกตได้เรียกว่า เกตได้เรียกว่า
โฟโทสเฟียร์
ความร้อนและแสงสว่าง
ตลอดทั้งพลังงานในช่วงคลื่นอื่น
ๆ
แผ่กระจายจากดวงอาทิตย์สู่อวกาศ
โดยการแผ่รังสีบนผิวระดับโฟโทสเฟียร์มีบริเวณที่อุณหภูมิต่ำกว่าข้างเคียง
จนสังเกตเห็นเป็น จุดดำ
เรียกว่า จุดบนดวงอาทิตย์
จุดเหล่านี้ไม่ใช่ลักษณะที่มีอยู่อย่างถาวร
เกิดแล้ว
มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาดเป็น
กลุ่มจุด (spot groups)
ซึ่งอาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึง
100,000 กิโลเมตร
ถ้าขยายจุดที่พัฒนาเต็มที่แล้วจะพบว่ารอบนอกของจุดมีความสว่างมากกว่าส่วนใน
เรียกส่วนในที่มืดกว่าว่า
อุมบรา (umbra)
และเรียกส่วนรอบนอกที่มัว ๆ
ว่า พีนุมบรา (penumbra)
บริเวณอุมบรามีอุณหภูมิประมาณ
2,000 องศาเซลเซียส บริเวณพีนุมบรามี
อุณหภูมิสูงถึง 4,000
องศาเซลเซียส
ในขณะที่ข้างเคียงอุณหภูมิสูงถึง
5,700 องศาเซลเซียส
จุดบนดวงอาทิตย์จึงไม่ใช่จุดดับอย่างที่อาจจะเข้าใจกัน
เพราะยัง ร้อนอยู่มาก
จุดดวงอาทิตย์เกิดขึ้นและหายไปตามลำดับรูปร่างซึ่งเรยกว่าแบบซูริค
A จนถึง J ของกลุ่มจุด (A-J
Zurich Classification)
ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นถึงหายไป
ยาวนานมากที่สุด 200 วัน
เป็นกลุ่มจุดที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม
พ.ศ. 2486
แต่ละกลุ่มจุดมีอายุต่าง ๆ
กัน จุดเล็ก ๆ
อาจมีอายุน้อยกว่า 1 ชั่วโมง |
|
บรรยากาศของดวงอาทิตย์ |
|
|
จุดบนดวงอาทิตย์มีประโยชน์ในการวัดอัตราการหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์
ซึ่งพบว่ามีคาบ 27.3 วัน
(อัตราการหมุนรอบตัวเอง ณ
บริเวณเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์ยาว
24.6 วันต่อรอบ ที่ละติจูด 30
องศา 25.8 วัน ที่ละติจูด 60
องศา 30.9 วัน และที่ขั้ว
34.0 วัน) ในปี พ.ศ. 2433 มอนเดอร์
(E.W.Maunder)
นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษได้ตรวจสอบข้อมูลเก่า
ๆ เกี่ยวกับจุดบนดวงอาทิตย์
และพบว่าระหว่างปี พ.ศ.
2188-2258
เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ไม่ค่อยมีจุดเลย
จึงไม่มีปีซึ่งมีจุดมากและปีซึ่งมีจุดน้อย
การศึกษาต่อมาทำให้เชื่อว่า
ช่วงเวลาดังกล่าว
ดวงอาทิตย์มีบรรยากาศที่เรียกว่า
คอโรนา น้อยหรือไม่มีเลย |
มีเรื่องน่าสนใจที่อาจเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์
คือ
การผันแปรของภูมิอากาศในประเทศอังกฤษในทศวรรษปี
พ.ศ. 2223 กล่าวคือ
น้ำในแม่น้ำเทมส์กลายเป็นน้ำแข็งอยู่เป็นประจำ
และไม่เห็นแสงเหนือเลยฮัลเลย์
บันทึกไว้ว่าเขาเห็นแสงเหนือเป็นครั้งแรก
เมื่อ พ.ศ. 2259
หลังจากเผ้าคอยดูมาเป็นเวลา
40 ปี
อาจเคยมีช่วงที่ดวงอาทิตย์ไม่มีจุดในระหว่าง
พ.ศ. 1943 ถึง 2053
แต่หลักฐานการบันทึกไม่สมบูรณ์
อย่างไรก็ตามมีผู้ตรวจสอบวงปีของต้นไม้ต้นหนึ่ง
ซึ่งมีอายุอยู่ระหว่างประมาณ
268 ปีก่อนพุทธศักราช ถึง
พ.ศ. 2457
พบว่าการเจริญเติบโตของต้นไม้ได้รับผลกระทบจากจุดบนดวงอาทิตย์ด้วย
และมีช่วงที่ดวงอาทิตย์มีจุดน้อยดังการพบของมอนเดอร์
ดังนั้นจึงเรียกช่วงระยะเวลายาวนานราว
100 ปี
ที่ดวงอาทิตย์ไม่มีจุดหรือมีจุดน้อยนี้ว่าจุดต่อของมอนเดอร์ |
|
|
::
ข้อมูลจำเพาะ
:: |
|
Spectral Type
G2 V |
รัศมี
6.955 × 1010 ซ.ม. |
ปริมาตร
1.4122 × 1033
ซ.ม.3 |
พื้นที่ผิว
6.087 × 1022 ซ.ม.2 |
มวล
1.989 × 1033 กรัม |
ความหนาแน่นเฉลี่ย
1.409 กรัม/ซ.ม.3 |
Gravity at Surface
2.740 × 104 cm/s2 |
Escape Velocity
6.177 × 107 cm/s |
Sidereal Rotation Period
25.38 days |
Synodic Period
27.2753 days |
Inclination of Equator to
Ecliptic
7 degrees, 15 minutes |
ห่างจากโลกโดยเฉลี่ย
1.495979 × 1013
ซ.ม. |
Solar Constant
(Total Solar Irradiance)
1.365 - 1.369 kW/m2
(1 AU) |
อุณหภูมิ
5777 องศาเคลวิน |
ความเร็ว
19.7 ก.ม./วินาที |
อายุของดวงอาทิตย์
4.5 - 4.7 × 109 ปี |
|