สมัยกลาง
สมัยกลาง
เริ่มตั้งแต่อาณาจักรโรมันล่มสลายในปี ค.ศ.476 ศตวรรษที่ 5-15 เนื่องจากการรุกรานของอนารยชนเผ่าติวตัน อำนาจทางการเมืองกระจัดกระจาย ความวุ่น
วายทางการเมืองทำให้ผู้คนหันมายึดศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และให้ความหวังกับคนในสังคมว่าจะได้ไปเสวยสุขกับพระเจ้าบนสวรรค์หรือมุ่งหวังชีวิต
ที่ดีกว่าในโลกหน้า
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ยุโรปมีความตื่นตัวทางด้านการพานิชย์ และแสวงหาดินแดนในโลกอันนำมาซึ่งลัทธิการล่าอาณานิคม ส่วนในทางวิทยาศาสตร์และการ
ประดิษฐ์ มีการค้นพบระบบสุริยจักรวาลของโคเปอร์นิคัส
การค้นพบกระบวนการพิมพ์หนังสือของกูเตนเบอร์กและฟุสท์
ที่มาของภาพ http://www.thaigoodview.com/files/u3346/raphael010.jpg
ลักษณะสังคม เป็นสังคมในลัทธิฟิวดัล ซึ่งคนในสังคมมีความสัมพันธ์ในฐานะเจ้าของที่ดินและทาสติดที่ดิน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. พระ เป็นผู้มีบทบาทมาก เพราะเป็นศูนย์ของความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาของประชาชน พระสันตปาปาที่กรุงโรมมีอำนาจสูงสุด พระที่มีฐานะรองลง
มาก็จะทำหน้าที่ต่างๆ ตามขอบเขตการปกครอง เช่น สั่งสอนประชาชน เก็บภาษีอากร ฯลฯ
2. ชนชั้นปกครอง ได้แก่ กษัตริย์ ขุนนาง และอัศวิน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน มีชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย
3. สามัญชน ได้แก่ ชาวนาและทาสติดที่ดิน ที่ต้องทำงานหนักหาเลี้ยงชีพภายใต้อำนาจสิทธิ์ขาดและการคุ้มครองจากเจ้าของที่ดิน ไม่ค่อยมีการปรับปรุงที่ดินเพื่อการเกษตร ผลผลิตไม่พอเพียงกับความต้องการของชุมชน
วรรณกรรม
สมัยกลางช่วงต้น จะเน้นวรรณกรรมศาสนาหรือวรรณกรรมสะท้อนภาพสังคมฟิวดัล เช่น The City Of God
สมัยกลางช่วงปลาย เน้นวรรณกรรมทางโลกมากขึ้น เช่น The Divine Comedy
การศึกษา เน้นด้านเทววิทยาและขยายการศึกษาไปสู่การจัดตั้งมหาวิทยาลัย
อิทธิพลศิลปะมุสลิม
- จิตรกรรม ได้แก่ งานเขียนลวดลายเรขาคณิต ลวดลายดอกไม้
- หัตถกรรม ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องโลหะ เครื่องทองเหลือง
- วรรณกรรม ได้แก่ นิทานอาหรับราตรี รุไบยาดของโอมาร์ คัยยัม