สบู่...สบาย
สารเคมีสังเคราะห์ในสบู่เหลวภัยเงียบที่มองไม่เห็น
ส่วนประกอบส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตสบู่เหลวนั้นเป็นสารเคมีสังเคราะห์ จะมีส่วนผสมของสมุนไพรหรือสารสกัดจากธรรมชาติอยู่บ้างก็เป็นส่วนน้อย ส่วนผสมของสบู่เหลวมีอยู่ 2 ส่วนคือ ส่วนประกอบหลักและส่วนประกอบเพิ่มเติม
ส่วนประกอบหลัก
ส่วนประกอบหลักคือ สารชำระล้าง (detergent) เพื่อทำหน้าที่ในการทำความสะอาด ชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวหนัง สารชำระล้างแบ่งออกเป็นหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติ และประสิทธิภาพในการทำความสะอาดแตกต่างกัน และมีความเหมาะสมกับผิวแต่ละชนิดแตกต่างกันไปด้วย สารชำระล้างที่ใช้ในสบู่เหลวแบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ
1. สารชำระล้างชนิดประจุลบ มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดได้ดีกว่าชนิดอื่น ทำให้เกิดฟองเร็วและมากราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นสารหลักในสบู่เหลว แชมพู น้ำยาล้างจาน และน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ แต่สารชำระล้างชนิดประจุลบนี้ค่อนข้างแรง จึงอาจระคายเคืองต่อผิว ที่นิยมใช้มีอยู่หลายตัวเช่น
• กลุ่ม fatty alcohol sulfate เช่น sodium lauryl sulfate
• กลุ่ม fatty alcohol ether sulfate เช่น sodium lauryl ether sulfate
• กลุ่ม alkyl ether sulfosuccinate เช่น sodium lauryl ether sulfosuccinate
2. สารชำระล้างชนิดประจุบวก มีประสิทธิภาพในการชำระล้าง และเกิดฟองน้อยกว่าชนิดประจุลบระคายเคืองต่อผิวหนัง และเนื้อเยื่อตา มีราคาแพงแต่มักจะนำมาใช้ร่วมกับสารชำระล้างชนิดประจุลบในปริมาณไม่มากนัก เพื่อช่วยแก้ไขจุดอ่อนของสารชำระล้างชนิดประจุลบ เพื่อไม่ให้สบู่เหลวมีประจุลบมากเกินไป ตัวอย่างของสารเคมีในกลุ่มนี้ได้แก่
• polyquaternium 7, 10, 22
• quaternary esters
3. สารชำระล้างชนิดไม่มีประจุ มีประสิทธิภาพในการชำระล้างได้ดี แต่มีฟองไม่มาก เป็นสารเคมีที่มีความอ่อนโยนกว่าสองชนิดที่ผ่านมา จึงมักใช้ในสบู่เหลวสำหรับเด็ก หรือใช้เป็นสารเสริมร่วมกับสารชนิดประจุลบ ตัวอย่างของสารเคมีในกลุ่มนี้ได้แก่
• polyxyethylene fatty alcohols
4. สารชำระล้างชนิดสองประจุ สารชำระล้างในกลุ่มนี้ให้ฟองปานกลางและระคายเคืองต่อผิวน้อย จึงนิยมใช้ในการผลิตสบู่เหลวที่อ่อนโยน สบู่เหลวสำหรับเด็ก ตัวอย่างของสารเคมีในกลุ่มนี้ได้แก่ cocamidopropyl betaine
ส่วนประกอบรอง ที่อาจเพิ่มเติมเข้าไปในสบู่เหลว ได้แก่
1. สารปรับสภาพผิว ช่วยเพิ่มความอ่อนนุ่มให้แก่ผิวสารที่นิยมใช้ได้แก่ PEG - 7 glycerylco coate
สารทำให้ข้น เพื่อเพิ่มความเหนียวหนืดให้แก่สบู่เหลว สารที่นิยมใช้ได้แก่
• coconut diethanolamine
• lauric acid diethanolamine
• sodium chloride หรือเกลือแกง
• PEG 6000 distearate
• PEG - 55 propylene glycol oleate
2. สารที่ทำให้เกิดประกายมุก เพื่อทำให้สบู่เหลวดูสวยงาม น่าใช้ ดูมีราคา สารที่ใช้ได้แก่ ethylene glycol distearate
ตัวทำลาย ช่วยเพิ่มความสามารถในการละลายน้ำของส่วนประกอบที่ไม่ละลายน้ำ เช่น น้ำหอม สารที่ใช้ได้แก่ PEG - 40 hydrogenated castor oil
สารกันเสีย สารที่นิยมใช้ได้แก่
• methyl paraben, propyl paraben
• 2- bromo-2-nitro-1, 3 propanediol
• isothiazolinone derivertives
3. ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สีน้ำหอม สารฆ่าเชื้อโรค สมุนไพร วิตามินอี เป็นต้น โดยทั่วไปการใช้สารเคมีเหล่านี้ในการผลิตสบู่เหลว จะมีข้อกำหนดอย่างเข้มงวดในเรื่องของเกรดของสารเคมีที่เหมาะสมต่อผิว ปริมาณและความเข้มข้นที่เหมาะสม เพราะหากมีการใช้เกรด ปริมาณ และความเข้มข้นที่ไม่เหมาะสม เพราะหากมีการใช้เกรด ปริมาณ และความเข้มข้นที่ไม่เหมาะสม ก็จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ในระยะเวลาอันสั้น เช่น ทำให้เกิดอาการแพ้ถ้าเข้าตาจะทำให้เยื่อบุตาอักเสบ หรือถึงขั้นตาบอดได้ เป็นต้น
อย่างที่กล่าวแล้วว่า สารเคมีสังเคราะห์เหล่านี้สามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้ แล้วไปสะสมอยู่ในเซลล์อวัยวะภายในและกระแสเลือด มีรายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ในยุโรปและอเมริกายืนยันว่า สารเคมีเหล่านี้มีโอกาสที่จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ตัวอย่างเช่น
• สาร SLS และ SLES สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และจะไปสะสมอยู่ในดวงตา สมอง หัวใจ และตับ ซึ่งจะมีผลเสียต่ออวัยวะเหล่านี้ในระยะยาว SLS สามารถเป็นสาเหตุของโรคต้อกระจกในผู้ใหญ่ และมีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสายตาของเด็ก ทั้ง SLS และ SLES สามารถก่อให้เกิด nitrosamine ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อมันถูกใช้ร่วมกับ DEA : Diethanolamine หรือ TEA : Triethanolamine ซึ่งเป็นสารประกอบรอง
• DEA หรือ TEA เมื่อทำปฏิกิริยากับ nitrosating agent ที่อาจปนเปื้อนมากับสารเคมี (เช่นสารกันบูด) ที่ใช้ในสบู่หรือเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตและเก็บรักษา จะทำให้เกิดสาร introsamine ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ผลการศึกษาของโครงการพิษวิทยาแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาพบว่า DEA และ TEA สามารถซึมผ่านผิวหนัง และสะสมอยู่ในอวัยวะภายใน และเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในตับและไต สำนักงานคณะกรรมอาหารและยา สหรัฐอเมริกาก็มีคำแนะนำให้ลดการใช้ DEA และ TEA แต่ก็ปรากฏว่าสารเคมีทั้งสองนี้ยังพบได้ไม่ยากในสบู่เหลว แชมพู และ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
• PEG หรือ Polyethylene เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ทดแทนสารเพิ่มความชุ่มชื้น จึงมักถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และถนอมผิวพรรณสถาบันเผยแพร่ข้อมูลด้านความปลอดภัยของวัตถุในสหรัฐอเมริกาได้ออกคำเตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้ PEG เพราะเป็นสารที่ระคายเคืองต่อผิวมาก และอาจเป็นสาเหตุของ ความผิดปกติในตับและไตได้นอกจากนี้สารเคมีในกลุ่ม PEG มีโอกาสที่จะปนเปื้อน dioxanes ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้เป็นมะเร็งในตับและจมูกได้ กระทรวงสาธารณสุขของไทยก็มีประกาศข้อห้ามและข้อกำหนดในการใช้ PEG ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเครื่องสำอางเช่นเดียวกัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของสารเคมีเพียงไม่กี่ตัว แต่ก็เป็นตัวหลักๆ ที่ใช้ในสบู่เหลว ยังมีสารเคมีอีกหลายตัวในสบู่เหลวที่สามารถส่งผลได้ในลักษณะเดียวกัน หรือแตกต่างกันออกไป ถึงแม้เรื่องนี้จะมีการพูดถึงมาหลายปีแล้ว ก็ตามแต่ก็นับว่ายังเป็นเรื่องใหม่ โดยเฉพาะสำหรับสังคมไทย และอันตรายที่เกิดจากสารเคมีเหล่านี้ก็ยังไม่ได้แสดงผลอย่างชัดเจน จึงมักจะมีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่ถูกถามขึ้นมาเสมอว่า ถ้าเป็นจริงตามข้อมูลที่กล่าวมา ทำไมหน่วยงานที่รับผิดชอบจึงปล่อยให้มีการใช้สารเคมีเหล่านี้ในหมู่สบู่เหลว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ อยู่อีก? คำตอบของคำถามนี้ก็คงเหมือนกับคำถามที่ว่า ทำไมรัฐบาลจึงปล่อยให้มีการผลิตบุหรี่ เหล้า อยู่อีก? หรือทำไมจึงปล่อยให้มีการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงในการปลูกพืชผักอยู่อีก? จึงอยากให้เราลองชั่งใจดูว่าจะเชื่อข้อมูลของฝ่ายไหนดี จะยังเชื่อคำโฆษณาของผู้ผลิตและใช้สบู่เหลวกันต่อไปหรือจะเริ่มฟังหูไว้หูกับคำเตือน ว่าสารเคมีเหล่านี้อาจจะก่อผลเสียทั้งเบาทั้งหนักแก่เราได้อย่างไม่ทันรู้ตัว แล้วลองถามตัวเราเองต่อไปว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้ต้องใช้สบู่เหลวที่มีสารเคมีล้วนๆ จะไม่พยายามลดการใช้สารเคมีลงไปบ้างหรือลองหาทางเลือกอื่นๆ ในการที่จะไม่ใช้สารเคมีกับร่างกายเรา หันกลับไปใช้สบู่ก้อน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีสารเคมีน้อยกว่าหรือหันไปใช้สมุนไพร สารจากธรรมชาติในการทำความสะอาด หรือหากยังชอบใจการใช้สบู่เหลวอยู่ละก็ ลองหันไปหาสบู่เหลวธรรมชาติ ซึ่งก็คงจะหาซื้อค่อนข้างยาก ทางที่ดีลงมือทำสบู่เหลวธรรมชาติที่แท้จริงใช้เองจะดีที่สุด