ชื่อเรื่อง |
การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดสำนักขัน |
ผู้วิจัย |
นายชวนิตย์ นาคะสรรค์ |
|
ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษโรงเรียนวัดสำนักขัน |
สังกัด |
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช |
ปีการศึกษา |
2550 |
บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มุ่งพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาปัญหาการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนวัดสำนักขัน สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช และ 2)พัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน การวิจัยในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงที่ 1 ศึกษาความรู้ความเข้าใจ ปัญหาการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความเหมาะสมในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลมีจำนวนทั้งสิ้น 87 คน ประกอบด้วย ครู 15 คน ผู้ปกครองนักเรียน 60 คน และคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถาม จำนวน 2 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) ช่วงที่ 2 การสนทนากลุ่มแบบเจาะลึกโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์งานดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 7 คน เพื่อวิเคราะห์แนวทางการแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อประมวลผลจัดทำคู่มือครูการดำเนินงานตามกระบวนการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนผลการวิจัย ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ ช่วงที่ 1 การวิเคราะห์ความรู้ความเข้าใจและปัญหาการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามความคิดเห็นของครู และความเหมาะสมในการดำเนินงานตามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษา สรุปได้ดังนี้ 1.ระดับความรู้ความเข้าใจของครูเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเมื่อพิจารณาโดยรวมมีความรู้ความเข้าใจอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( =3.69) เมื่อพิจารณาปัญหาด้านความรู้ความเข้าใจของครูเป็นรายข้อ พบว่า มีปัญหาเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ กระบวนการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีค่าเฉลี่ย( =3.47) การคัดกรองนักเรียนมีค่าเฉลี่ย( = 3.53) และการใช้แบบประเมินพฤติกรรมมีค่าเฉลี่ย( =3.60) การพิจารณาการคัดกรองนักเรียนตามเกณฑ์ของโรงเรียนมีค่าเฉลี่ย( =3.60) การจัดกิจกรรมโฮมรูมมีค่าเฉลี่ย( =3.60) ตามลำดับ 2.ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลเมื่อพิจารณาโดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( =4.04) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีปัญหาเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่การเยี่ยมบ้านนักเรียนและการบันทึกในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ (ปพ.5)มีค่าเฉลี่ย( =4.27) การสังเกตพฤติกรรมนักเรียนและการจัดทำระเบียนสะสม (ปพ.8)มีค่าเฉลี่ย ( = 3.13) และการสัมภาษณ์นักเรียนมีค่าเฉลี่ย( =3.07) ตามลำดับ 3.ด้านการคัดกรองนักเรียน เมื่อพิจารณาโดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( =3.68) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีปัญหาเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ การวางแผนในการคัดกรองนักเรียนและจำแนกนักเรียนตามสุขภาพร่างกาย(น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ความแข็งแรงของร่างกาย การเจ็บป่วย ความพิการ ความบกพร่องของร่างกาย)มีค่าเฉลี่ย( =4.00) คัดกรองนักเรียนโดยจำแนกออกเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มมีปัญหา และกลุ่มที่มีความสามารถพิเศษมีค่าเฉลี่ย ( = 3.87) และจำแนกนักเรียนตามผลการเรียนพฤติกรรมนักเรียนและจำแนกนักเรียนตามจิตใจอารมณ์ สัมพันธภาพกับเพื่อและสังคมมีค่าเฉลี่ย( =3.80) ตามลำดับ 4.ด้านการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน เมื่อพิจารณาโดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( = 4.13) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีปัญหาเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ การประชุมผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ย( =4.40) การจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ย ( = 4.27) และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีค่าเฉลี่ย( = 4.20) ตามลำดับ 5.ด้านการการป้องกันและช่วยเหลือนักเรียน เมื่อพิจารณาโดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( = 3.99) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีปัญหาเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ กิจกรรมอบรมประจำสัปดาห์มีค่าเฉลี่ย( =4.40) กิจกรรมสื่อสารกับผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ย ( = 4.13) และกิจกรรมในห้องเรียนและการให้คำปรึกษามีค่าเฉลี่ย( = 4.07) ตามลำดับ 6.ด้านการส่งต่อนักเรียน เมื่อพิจารณาโดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( = 3.71) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีปัญหาเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ การติดตาม การช่วยเหลือจากผู้ที่เกี่ยวข้องมีค่าเฉลี่ย( =3.93) การวางแผนร่วมกับคณะครูในโรงเรียนเพื่อส่งต่อนักเรียนภายในและภายนอกมีค่าเฉลี่ย ( = 3.87) และการประสานงานและบันทึกการส่งต่อไปยังครูที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือนักเรียนมีค่าเฉลี่ย( = 3.67) ตามลำดับ 7.ความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียน เมื่อพิจารณาโดยรวมพบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( = 3.30) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความเหมาะสมเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ยจากน้อยไปหามาก 3 อันดับ ได้แก่ โรงเรียนได้ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมากน้อยเพียงใดมีค่าเฉลี่ย( = 2.52) นักเรียนได้รับการตรวจสุขภาพโดยครูประจำชั้นหรือโรงเรียนมากน้อยเพียงใดมีค่าเฉลี่ย ( = 2.94) และนักเรียนได้รับการสนับสนุนจากครูในการส่งเสริมความถนัดหรือความสนใจของนักเรียนมากน้อยเพียงใดมีค่าเฉลี่ย( = 2.72) ตามลำดับ 8.ความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา เมื่อพิจารณาโดยรวมพบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย( = 3.40) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความเหมาะสมเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ยจากน้อยไปหามาก 3 อันดับ ได้แก่ ท่านได้รับคำแนะนำจากครูประจำชั้นหรือโรงเรียนในการเฝ้าระวังนักเรียนหรือบุตรหลานให้พ้นภัยจากบุคคลและสังคมมากน้อยเพียงใดมีค่าเฉลี่ย( = 2.76)โรงเรียนได้ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมากน้อยเพียงใดมีค่าเฉลี่ย ( = 2.83) และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนส่งผลให้นักเรียนได้พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์มากน้อยเพียงใดมีค่าเฉลี่ย( = 2.94) ตามลำดับช่วงที่ 2 ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากผลการสนทนากลุ่มโดยผู้เชี่ยวชาญได้ให้ข้อเสนอแนะและวิธีแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยนำข้อเสนอแนะและวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวมาประมวลจัดทำเป็นคู่มือครูการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีประเด็นน่าสนใจแต่ละด้านดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจของครูเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เช่น จัดอบรมครูหรือศึกษาดูงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนทีมีระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนดีเด่น จัดทำคู่มือครูเกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อเป็นแนวปฏิบัติร่วมกันในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั้ง 5 ด้านคือการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ด้านการคัดกรอง ด้านการส่งเสริมและพัฒนา ด้านการป้องกันและช่วยเหลือนักเรียนและด้านการส่งต่อ จัดระบบการนิเทศติดตาม ช่วยเหลือครูในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบครบวงจร ชี้แจงและทำความเข้าใจกับครูผู้รับผิดชอบในการคัดกรองนักเรียนตามเกณฑ์ที่โรงเรียนได้จัดทำขึ้น 2.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล เช่น ทำแบบสอบถามผู้ปกครองนักเรียนเพื่อวางแผนการเก็บข้อมูลในการเยี่ยมบ้านนักเรียน จัดทำปฏิทินนัดหมายการเยี่ยมบ้านผู้ปกครองนักเรียน จัดครูรับผิดชอบเยี่ยมบ้านนักเรียนโดยบันทึกในแบบการเยี่ยมบ้าน จัดเก็บข้อมูลการเยี่ยมบ้านนำมาวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาต่อไป ชี้แจงทำความเข้าใจกับครูให้เข้าใจวิธีการบันทึกแบบ(ปพ.5)และชี้แจงวิธีการนำข้อมูลไปใช้ ประชุมครูเพื่อวางแผนการจัดทำแบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน .ชี้แจงทำความเข้าใจวิธีสังเกตพฤติกรรมนักเรียน จัดทำระเบียนสะสมและชี้แจงวิธีการบันทึกข้อมูล สร้างแบบสัมภาษณ์นักเรียนแบบมีโครงสร้าง ชี้แจงวิธีการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์3.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการคัดกรองนักเรียน เช่น ประชุมชี้แจงวางแผนในการคัดกรองนักเรียนโดยจัดทำแบบการคัดกรองให้ครอบคลุมด้านสุขภาพ พัฒนาทางร่างกาย โรคประจำตัว การเจ็บป่วย ความพิการ ความบกพร่องของร่างกายโดยจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการคัดกรองให้ชัดเจน จัดทำแบบคัดกรองนักเรียนโดยแยกเอกสารการคัดกรองตามปัญหาของนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อวางแผนในการช่วยเหลือและพัฒนานักเรียนต่อไป จัดทำแบบบันทึกหรือข้อมูลของนักเรียนเป็นรายบุคคลในด้านการเรียน พฤติกรรมของนักเรียน สัมพันธภาพกับเพื่อนและด้านสุขภาพจิตของนักเรียน4.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน เช่น จัดทำคู่มือการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประชุมผู้ปกครองนักเรียนเพื่อวางแผนการจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนและเลือกประธานเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนตลอดจน กำหนดบทบาทหน้าที่ของเครือข่ายผู้ปกครองให้ชัดเจน จัดทำโครงการพิเศษต่าง ๆ โดยให้ชุมชนและผู้ปกครองมีส่วนร่วมในกิจกรรม5.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการป้องกันและช่วยเหลือนักเรียน เช่น จัดทำแบบบันทึกการอบรมนักเรียนนักเรียนประจำสัปดาห์ ประชุมมอบหมายให้ครู กรรมการสถานศึกษาและตัวแทนเครือข่ายผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประชุมประจำสัปดาห์ร่วมกับโรงเรียน จัดทำจดหมายข่าวเพื่อสื่อสารกับผู้ปกครอง จัดทำแบบบันทึกการให้คำปรึกษานักเรียนเป็นรายบุคคล6.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการส่งต่อนักเรียน เช่น ควรเชิญนักจิตวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความรู้กับครูในการจำแนกนักเรียนเพื่อการส่งต่อและวิธีการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแบบบันทึกการส่งต่อและประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง7.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการดำเนินงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียน เช่น ประชุม อบรมผู้ปกครองนักเรียนให้มีความรู้ความเข้าใจระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามกรอบและภาระงานของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั้ง 5 ด้านตลอดจนชี้แจงทำความเข้าใจในบทบาทและความร่วมมือของผู้ปกครองในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนร่วมกัน จัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนมีหน้าที่สอดส่องดูแลและประสานงานกับโรงเรียนในการดูแลพฤติกรรมนักเรียนที่เป็นปัญหาเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ควรมีแบบสำรวจความถนัดและความสนใจของนักเรียนแต่ละคนหรือมีวิธีการวัดความถนัดของนักเรียนแต่ละคนเพื่อจำแนกนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามความสนใจและความถนัด ควรจัดทำแบบบันทึกการตรวจสุขภาพนักเรียนให้เป็นปัจจุบันและต่อเนื่อง8.ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในด้านการดำเนินงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษานักเรียน เช่น จัดประชุม/อบรมคณะกรรมการสถานศึกษาให้เข้าใจการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้เวลาประมาณ 1-2วันโดยเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้และปฏิบัติจริง ชี้แจงบทบาทและขั้นตอนการให้ข้อมูลข่าวสารและการประสานงานกับโรงเรียน