การพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและ ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและ
ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสุธาสินี ประจาเมืองครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
ปีที่พิมพ์ 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ23102 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ23102 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3)เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ23102 3.1)เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3.2)เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ โดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนและ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ23102โดยนาไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3จานวน 9คน โรงเรียนบ้านหนองมะเขือหนองตานาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ระยะเวลาในการทดลอง 16 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษ PDRPE Model แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษ แบบประเมินทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ค่า t-test แบบ dependent ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ภาษาอังกฤษ ในปีการศึกษา 2563พบว่า ประการแรก นักเรียนไม่สามารถเขียนคาศัพท์ ประโยคหรือข้อความในการเขียนบรรยายเพื่อให้หรือขอข้อมูลที่สาคัญได้ ส่งผลให้ทักษะทั้ง 4 ต่ากว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนดประการที่สอง ครูยังใช้วิธีการสอนให้นักเรียนจาแต่ไม่ได้ฝึกทักษะให้เพียงพอ นักเรียนจึงไม่ได้ฝึกทักษะอื่นๆควบคู่ไปด้วย สอดคล้องกับผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ23102อยู่ในระดับปานกลาง อีกทั้งผลการสอบถามความต้องการของนักเรียนพบว่า นักเรียนต้องการทางานเป็นทีมในกิจกรรมความร่วมมือที่หลากหลายได้ฝึกกลยุทธ์การอ่านเพื่อความเข้าใจและการเขียนไปพร้อมๆกันเน้นการเรียนการสอนเพื่อปรับปรุงความสามารถของนักเรียนในการอ่านเรียบเรียงและการเขียนบรรยายเพื่อทาให้สถานการณ์ในห้องเรียนน่าสนใจยิ่งขึ้นนอกจากนี้ผลการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า การจัดการเรียนการสอนรายวิชา ภาษาอังกฤษ ควรพัฒนาทั้ง4 ทักษะให้ครอบคลุมควบคู่กับการคิดโดยเฉพาะทักษะการเขียนซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สอนต้องคานึงถึงให้มากที่สุด คือ ต้องให้ผู้เรียนมีข้อมูลเกี่ยวกับคาศัพท์ (Vocabulary) รูปแบบไวยากรณ์ (Grammar Pattern) และเนื้อหา (Content) อย่างเพียงพอที่จะเป็นแนวทางให้ผู้เรียนสามารถคิดและเขียนได้
เน้นการฝึกทักษะการเขียนอย่างเป็นระบบที่ถูกต้อง ผู้เรียนจึงจะมีทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองและมีความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์ได้
2.ผลการพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัสวิชา อ23102 มีชื่อรูปแบบการสอนว่า “PDRPE Model” ประกอบด้วย ทฤษฎีหลักการแนวคิด วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การวางแผนการเขียน (Planning) ขั้นที่ 2 การร่างงานเขียน (Drafting) ขั้นที่ 3 การอ่านทบทวนและแก้ไขงานเขียน(Revising and Editing)ขั้นที่ 4 การนาเสนอผลงาน (Publishing) และขั้นที่ 5 การประเมินงานเขียน (Evaluating) ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการสอนด้านความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษ เท่ากับ 81.89/81.33และค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการสอนด้านทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ 81.45/81.16เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กาหนดไว้
3. ผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษด้านความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05และผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษด้านทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยรวมอยู่ในระดับมาก
PDRPE Model
รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนและทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีชื่อรูปแบบการสอนว่า “PDRPE Model”