บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง คุณค่าเศษผ้าไหม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโนโพธิ์ศรีวิทยาคม (2) สร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง คุณค่าเศษผ้าไหม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโนโพธิ์ศรีวิทยาคม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (3) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโนโพธิ์ศรีวิทยาคม ก่อนและหลังเรียนแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง คุณค่าเศษผ้าไหม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียนแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เรื่อง คุณค่าเศษผ้าไหม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ (5) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง คุณค่าเศษผ้าไหม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม จำนวน 35 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) และจับสลากเลือกมา 1 ห้องเรียนเนื่องจากนักเรียนแต่ละห้องเรียน มีผลการเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน ใกล้เคียงกันทุกห้อง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี          ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค STAD เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่อง คุณค่าเศษผ้าไหม (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (3) แบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการทดสอบที (Paired Sample t-test)