นิทานพื้นบ้าน
พระนางผมหอม
ท้าวคำแสน กับ พระนางคำแมน ปกครองเมืองวาปี มาเป็นเวลานานแต่ไม่มีทายาทไว้สืบสกุลจึงไปทำพิธีบวงสรวงขอบุตรกับเทวดา ต่อมาพระนางคำแมนได้ให้กำเนิดพระธิดานามว่า เจ้าหญิงสีดา ครั้นมีวัยได้ 15 พรรษา เจ้าหญิงก็เติบโตมีพระสิริโฉมโสภาเกิน กว่านางใดในแผ่นดิน วันหนึ่งถึงคราวจะได้พบเนื้อคู่ทำให้เจ้าหญิงสีดารู้สึกกระวนกระวายใจ จึงลาท้าวคำแสนกับพระนางคำแมน ไปเที่ยวป่า ขณะกำลังชมนกชมไม้อย่างเพลิดเพลิน พญายักษ์ตนหนึ่งผ่านมาพบเข้าก็ควงกระบองอาละวาดจับไพร่พลกินเป็นอาหาร เจ้าหญิงสีดาได้หนีไปแอบในโพรงไม้
ครั้นเมื่อยักษ์ไปแล้วเจ้าหญิงตามหาไพร่พลไม่เจอต้องดั้นด้นเดินไปตามลำพังอย่างไม่รู้ทิศอาง เมื่อหิวกระหายก็วักน้ำในรอยเท้าโค ดื่มแต่กลับคอแห้งมากขึ้นกว่าเดิม พอหันไปวักน้ำในรอยเท้าช้างที่อยู่ใกล้กันดื่มค่อยรู้สึกสดชื่น และเดินทางกลับเมืองอย่างปลอดภัย
อยู่ต่อมาไม่นานเจ้าหญิงสีดาก็ตั้งครรภ์ ท้าวคำแสนพยายามซักถามเรื่องราวก็ไม่ได้ความอะไร จนครบกำหนด 10 เดือนเจ้าหญิงได้ ให้กำเนิดพระธิดาแฝด คนโตมีนามว่านางผมหอม ส่วนคนเล็กมีนามว่า นางลุน ครั้นพระธิดาทั้งสองเติบโตก็มีพระสิริโฉมโสภาเช่นกับ พระมารดา วันหนึ่งสองพระธิดาได้ชวนกันขออนุญาตมารดาออกติดตามหาพ่อ
นางผมหอมกับนางลุนเดินป่าอยู่หลายวันก็พบพญาช้างที่ดุร้ายเชือกหนึ่งจะเข้ามาทำร้าย ทั้งสองอ้อนวอนขอชีวิตพร้อมเล่าจุดประสงค์ ที่มาเดินป่าและเรื่องราวเกี่ยวกับกำเนิดของตนให้ฟัง พญาช้างสังหรณ์ใจว่าอาจจะเป็นลูกสาวของตนจึงเสี่ยงสัตย์อธิษฐานขอให้ผู้ที่เป็น ทายาทสามารถปีนงาขึ้นมานั่งบนหลังของตนได้สำเร็จ ซึ่งนางผมหอมคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ ส่วนนางลุนนั้นพลัดตกลงมาเสียชีวิตไป พญาช้างจึงนำนางผมหอมไปเลี้ยงดูในถิ่นที่อยู่ของตน
5 ปีต่อมานางผมหอมอายุครบ 20 บริบูรณ์อยู่แต่ในป่านึกอยากจะพบหน้าผู้คนจึงนำผมของนางซึ่งมีกลิ่นหอมให้ผอบพร้อมจารึก บอกว่าขอให้ผู้ที่เป็นเนื้อคู่ได้พบและมาติดตามหา ต่อจากนั้นได้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานให้ผอบลอยไปตามกระแสน้ำ ผอบลอยไปจนถึง เมือง รัตนา แต่ผู้ที่พบไม่สามารถหยิบได้ เพราะผอบจะลอยหนีไปอย่างประหลาด ท้าวแพงคำ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองทราบเรื่องและสามารถว่ายน้ำไปเก็บผอบมาได้ ครั้นอ่านข้อความในผอบและได้กลิ่นของเส้นผมก็นึกรัก ผู้เป็นเจ้าของ ตัดสินใจออกติดตามค้นหา
ท้าวแพงคำเดินทางมาถึงต้นแม่น้ำ พบเส้นผมของนางผมหอมตกอยู่ก็รู้ว่ามาถูกทางแล้วจึงแอบซ่อนตัวรอจนนางผมหอมมาอาบน้ำค่อย ออกมาแสดงตัวพร้อมไต่ถามเรื่องราวความเป็นมา ทั้งสองแอบอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยปิดบังไม่ให้ผู้เป็นพ่อล่วงรู้ แม้พญาช้าง จะมีความสงสัยเพราะได้กลิ่นมนุษย์ผู้ชายจากลูกสาว แต่นางผมหอมก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ จน 3 ปีผ่านไป ทั้งสองต้องการครองรักอย่าง เปิดเผยต่างชวนกันไปสารภาพต่อพญาช้าง
พญาช้างรู้ว่าบุตรสาวจะต้องไปอยู่บ้านเมืองของท้าวแพงคำก็เสียใจล้มเจ็บลง จึงเรียกนางผมหอมมาสั่งสอนให้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีก่อน จะสิ้นใจ งาทั้งสองข้างของพญาช้างนั้นข้างหนึ่งกลายเป็นเรือ อีกข้างกลายเป็นพายตามคำอธิษฐาน ท้าวแพงคำได้ใช้เป็นพาหนะพานาง ผมหอมกลับครองรักอยู่ที่เมืองรัตนาอย่างมีความสุข