• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:0387c89bc37dfdc8da31f9d9ee226294' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><strong>ผู้วิจัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; นางสาววิยะดา&nbsp; หวังชนะ<br /> <strong>ปีการศึกษา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556</p>\n<p><strong>สถานศึกษา</strong>&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; <a href=\"http://www.sawongvit.com/\">โรงเรียน</a>เทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร&nbsp; สำนักการศึกษา&nbsp; เทศบาลนครอุบลราชธานี</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p align=\"center\"><strong>บทคัดย่อ</strong></p>\n<p><strong>&nbsp;</strong></p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ &nbsp;สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น&nbsp; 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ&nbsp; 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ &nbsp;คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 29 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 <a href=\"http://www.sawongvit.com/\">โรงเรียน</a>เทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร&nbsp; สำนักการศึกษา&nbsp; เทศบาลนครอุบลราชธานี &nbsp;ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบ One Group Pretest - Posttest Design ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2&nbsp; ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.26 - 0.80 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20 - 0.88 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 &nbsp;ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.48 – 0.82 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 <br /> สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน&nbsp; และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้&nbsp; t-test&nbsp; (Dependent&nbsp; Samples)</p>\n<p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัยปรากฏดังนี้</strong></p>\n<p class=\"CM15\"><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>1. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 84.21/83.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.58&nbsp; แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 58</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วย<br /> บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ&nbsp; .05</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; 4.&nbsp; นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด&nbsp; ( = 4.51, S.D. = 0.61)&nbsp; ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 3&nbsp; บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ทำให้เกิดทักษะในการปฏิบัติกิจกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด&nbsp; ( = 4.83, S.D. = 0.38)&nbsp; รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ทำให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด&nbsp; ( = 4.76, S.D. = 0.44) รองลงมาคือ ด้านที่ 7 เนื้อหาในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ เป็นไปตามลำดับขั้นตอนจากง่ายไปหายาก อยู่ในระดับมากที่สุด&nbsp; ( = 4.72, S.D. = 0.45) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านที่ 10&nbsp; ผู้เรียนสามารถทำงานในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ อย่างมีอิสระ เหมาะสมกับเวลา อยู่ในระดับมาก&nbsp; ( = 4.38, S.D. = 0.82)</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำบทเรียนสำเร็จรูป ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้&nbsp; เพื่อพัฒนาความรู้&nbsp; ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป</p>\n', created = 1719978003, expire = 1720064403, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:0387c89bc37dfdc8da31f9d9ee226294' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับน

ผู้วิจัย             นางสาววิยะดา  หวังชนะ
ปีการศึกษา      ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556

สถานศึกษา      โรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร  สำนักการศึกษา  เทศบาลนครอุบลราชธานี

 

บทคัดย่อ

 

           การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ  สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น  3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ  4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้  คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 29 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร  สำนักการศึกษา  เทศบาลนครอุบลราชธานี  ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบ One Group Pretest - Posttest Design ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2  ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.26 - 0.80 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20 - 0.88 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2  ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.48 – 0.82 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้  t-test  (Dependent  Samples)

           ผลการวิจัยปรากฏดังนี้

               1. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 84.21/83.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

               2. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.58  แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 58

               3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วย
บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ  .05

               4.  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด  ( = 4.51, S.D. = 0.61)  ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 3  บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ทำให้เกิดทักษะในการปฏิบัติกิจกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด  ( = 4.83, S.D. = 0.38)  รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ทำให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด  ( = 4.76, S.D. = 0.44) รองลงมาคือ ด้านที่ 7 เนื้อหาในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ เป็นไปตามลำดับขั้นตอนจากง่ายไปหายาก อยู่ในระดับมากที่สุด  ( = 4.72, S.D. = 0.45) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านที่ 10  ผู้เรียนสามารถทำงานในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ อย่างมีอิสระ เหมาะสมกับเวลา อยู่ในระดับมาก  ( = 4.38, S.D. = 0.82)

               สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำบทเรียนสำเร็จรูป ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้  เพื่อพัฒนาความรู้  ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 412 คน กำลังออนไลน์