พระพุทธรูปปางรำพึง
ปางนี้อยู่ในอิริยาบถยืน
พระหัตถ์ทั้งสองยกขึ้นประทับประมานกันที่พระอุระ (อก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย แสดงอาการรำพึง
พระพุทธรูปปางนี้มีประวัติว่า
หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็เสด็จประทับพักผ่อนพระอิริยาบถอยู่ตามร่มไม้ต่าง
ๆ อยู่นั้น
มีอยู่คราวหนึ่งขณะประทับอยู่ที่ร่มไม้อชปาลนิโครธ
ทรงรำพึงถึงธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วว่าเป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งยากที่คนธรรมดาสามัญจะตามรู้ตามเห็นได้
ถึงกับท้อพระทัยที่จะแสดงธรรมสั่งสอนประกาศศาสนาให้ชาวโลกได้รับรสอันลึกซึ้งแห่งสัจธรรม
แต่ในขณะที่ทรงรำพึงทบทวนไปมาอยู่นั่นเอง ก็ทรงมีพระดำริผุดขึ้นมาในพระทัยว่า
บุคคลในโลกนี้ย่อยมีอุปนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน บางพวกมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาก บางพวกมีสติปัญญาปานกลาง บางพวกมีสติปัญญาอ่อน บางพวกมีสติปัญญาอ่อนมาก ๆ จนไม่สามารถรับรู้อะไรได้
การแสดงธรรมโปรดบุคคลสามพวกแรกนั้นไม่ไร้ผลอย่างแน่นอน ส่วนพวกสุดท้ายคงไม่สามารถรับธรรมได้
พวกที่มีสติปัญญามาก
มีความเฉลียวฉลาดเพื่อได้รับฟังธรรมขัดเกลาจิตใจแล้วก็สามารถจะรู้ตามเห็นได้ฉับพลันทีเดียว
พวกที่มีสติปัญญาปานกลางเมื่อได้รับฟังธรรมครั้งแรกอาจจะไม่เข้าใจ
ต่อได้ฟังครั้งที่สองหรือครั้งที่สามแล้วก็อาจจะเข้าใจ สามารถรูเห็นธรรมบรรลุมรรคผลได้
พระองค์ทรงเปรียบเทียบบุคคลทั้งหมดนี้ประดุจดอกบัว 4 เหล่า
โดยเหล่าที่หนึ่งโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำแล้ว
เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็จักบานในวันนั้น
เหมือนบุคคลกลุ่มที่หนึ่ง
เมื่อได้รับฟังธรรมอันลึกซึ้งแล้วก็สามารถบรรลุธรรมได้โดยฉับพลัน
เหล่าที่สองอยู่เสมอน้ำเมื่อโผล่ขึ้นมาพ้นจากน้ำแล้วก็จะบานในวันรุ่งขึ้น เหมือนบุคคลกลุ่มที่สอง
เมื่อได้รับฟังธรรมขัดเกลาจิตใจถึงสองหรือสามครั้งก็จะสามารถบรรลุธรรมตามได้
ดอกบัวเหล่าที่สามานั้นอยู่ใต้น้ำก็จะค่อย
ๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วก็จะบานในวันต่อ ๆ ไป
เมือนบุคคลกลุ่มที่สามที่ยังมีสติปัญญาอ่อน อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า ต้องได้รับการอบรมหลาย ๆ
ครั้งจนกว่าอินทรีย์จะแก่กล้า
ก็จะสามารถบรรลุธรรมได้ในคราวต่อ ๆ ไป
ส่วนบุคคลกลุ่มที่สี่นั้นเหมือนกับดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึก
ๆ ไม่มีโอกาสที่จะโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำรับแสงอาทิตย์ได้ ก็จะเป็นภักษาหารของปลา-เต่า
และสัตว์น้ำต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนั้นการแสดงธรรมโปรดสัตว์ก็ไม่ไร้ผลเสียทีเดียว
เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาด้วยพระญาณอันหยั่งทราบถึงอุปนิสัยของเหล่าสัตว์ผู้ควรจะได้รับรู้ธรรม
และมหาชนผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการแสดงธรรมเช่นนั้นแล้ว จึงทรงตั้งปณิธานอันแน่วแน่อย่างพระมหาบุรุษว่า
จะดำรงพระชนม์ชีพอยู่จนกว่าจะได้ประกาศพระศาสนาให้แผ่ขจรขจายไปทั่วสารทิศ
จนกระทั่งสามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบต่อไปในอนาคต
พระพุทธจริยาตอนที่ทรงประทับยืนรำพึงถึงการแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์
และมหาชนนั้นเองกลายเป็นต้นเค้าแห่งความคิดในการสร้างพระพุทธรูปปางรำพึงขึ้นไว้สักการบูชา อีกทั้งท่านโหราจารย์ได้กำหนดให้เป้นพระพุทธรูปประจำวันศุกร์อักด้วย
|