พระพุทธรูปปางห้ามญาติ
พระพุทธรูปปางนี้เป็นพุทธจริยาในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ (มือ) ทั้งสองยกขึ้นเหนือพระอุระ (อก) ตั้งพระหัตถ์ยื่นไปข้างหน้าแสดงกิริยาห้าม
มีพระพุทธประวัติตอนหนึ่งว่า ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระญาติทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายพุทธบิดาซึ่งเป็นชาวนครกบิลพัสดุ์ และฝ่ายพระพุทธมารดาซึ่งเป็นชาวนครเทวทหะ
เกิดพิพาทกันขึ้นเรื่องการแย่งน้ำกันทดเข้านา
พระญาติทั้งสองฝ่ายอาศัยน้ำในแม่น้ำโรหิณีในการทำนา แต่บังเอิญมีอยู่ปีหนึ่งเกิดฝนแล้งจัดมาก
เดือนร้อนกันทั้งสองฝ่ายต้องทดน้ำในแม่น้ำขึ้นไปทำนา น้ำในแม่น้ำก้เกือบแห้งขอด จึงเกิดมีปากเสียงทะเลาะแย่งน้ำกันขึ้น
กลายเป็นข้อพิพาทใหญ่โตสำหรับพระญาติทั้งสองฝ่าย
เริ่มจากการวิวาทเล็ก
ๆ ระหว่างบุคคล
ต่อมาได้ลุกลามเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่างนครกับนคร มีการด่าทอ
กระทบกระเทียบลามไปถึงโคตรเหง้าราชวงศ์ตระกูล และกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างกันไปถึงที่สุด กษัตริย์ทั้งสองฝ่ายต่าง
มีทิฎฐิมานะสูงอยู่แล้ว
พอได้ทราบข่าวจากเหล่าเสนาอำมาตย์เท่านั้น
ก็กรีฑาทัพมาประชิดกันที่ริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี เพื่อจะทำสงครามให้รู้แพ้รู้ชนะเลยทีเดียว
เดชะบุญก่อนที่จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ในขณะนั้นเองพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นอโครธาราม
ทรงทราบด้วยพระญาณว่าพระญาติทั้งสองฝ่ายจะรบกัน
ความพินาศอันใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นแก่ราชวงศ์ทั้งสอง จึงได้เสด็จไปห้าม
ตรัสถามถึงเรื่องราวแล้วแสดงโทษแห่งการทำสงครามเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
ว่าไม่คุ้มค่ากับการที่เอาวงศ์ตระกูลกษัตริย์มาทำลายด้วยเหตุว่ากษัตริย์สูงค่ากว่าน้ำมากยิ่งนัก
และแล้วในที่สุดกษัตริย์ทั้งสองฝ่ายก็เลิกทัพกลับคืนดีกันดังเดิม
พุทธจริยาตอนที่ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นแสดงกิริยาห้ามพระญาติทั้งสองฝ่ายมิให้ทำสงครามกันนี้เอง
กลายเป็นต้นเค้าความคิดให้สร้างพระพุทธรูปปางห้ามญาติขึ้นสักการบูชา
ต่อมาโหราจารย์ได้กำหนดให้เป็นพระบูชาประจำวันจันทร์ขึ้น
ผู้ที่เกิดวันนี้ควรสร้างพระพุทธรูปปางนี้ไว้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
|