• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:85e13306fda46348193b37dbb3a52234' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"200\" src=\"/files/u31259/anigif_6.gif\" height=\"150\" style=\"width: 304px; height: 214px\" />   \n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p align=\"left\">\n<a href=\"/node/87541\"><img border=\"0\" width=\"128\" src=\"/files/u31259/anigif_0.gif\" height=\"139\" style=\"width: 124px; height: 122px\" /></a><a href=\"/node/87545\"><img border=\"0\" width=\"128\" src=\"/files/u31259/anigif_1.gif\" height=\"139\" style=\"width: 122px; height: 124px\" /></a><a href=\"/node/87549\"><img border=\"0\" width=\"128\" src=\"/files/u31259/anigif_3.gif\" height=\"139\" style=\"width: 124px; height: 123px\" /></a><a href=\"/node/87556\"><img border=\"0\" width=\"128\" src=\"/files/u31259/anigif_4.gif\" height=\"139\" style=\"width: 121px; height: 123px\" /></a><a href=\"/node/87565\"><img border=\"0\" width=\"128\" src=\"/files/u31259/anigif_5.gif\" height=\"139\" style=\"width: 125px; height: 121px\" /></a>\n</p>\n<p>\n  \n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"347\" src=\"/files/u31259/004.jpg\" height=\"480\" style=\"width: 416px; height: 333px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n แหล่งที่มาของรูป <a href=\"http://sukumal.brinkster.net/meaploy/vetal/image/004.jpg\"><u><span style=\"color: #0000ff\">http://sukumal.brinkster.net/meaploy/vetal/image/004.jpg</span></u></a>\n</p>\n<p><span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 22pt; font-family: LilyUPC\" lang=\"TH\"></span></span></p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 16pt; line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\" lang=\"TH\"></span></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"font-size: 16pt; line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\" lang=\"TH\">โครงเรื่องนิทานเวตาล</span></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 16pt; line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000\"><span>                </span><span lang=\"TH\">นิทานเวตาล<span>  </span>ฉบับ น.ม.ส. ประกอบด้วยนิทานเรื่องใหญ่และเรื่องย่อยทั้งหมด ๑๐ เรื่อง นิทานเรื่องใหญ่อันเป็นโครงสำคัญมีเรื่องย่อดังนี้</span></span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"font-size: 16pt; line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000\"><span lang=\"TH\"></span></span></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 16pt; line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000\"><span>                </span><span lang=\"TH\">พระวิกรมาทิตย์<span>  </span>ครองกรุงอุชชยินี<span>  </span>มีพระประสงค์ที่จะสืบรู้ราชการบ้านเมืองอื่น<span>  </span>จึงทรงมอบบ้านเมืองให้พระภรรตฤราช<span>  </span>พระอนุชา<span>  </span>ปกครองแทนแล้วทรงปลอมเป็นโยคี<span>  </span>มีพระโอรสองคืที่ ๒ ะรนามว่าธรรมธวัช<span>  </span>ตามเสด็จไปในป่าและเมืองต่างๆ<span>  </span>พระอนุชาทรงปกครองบ้านเมืองได้ระยะหนึ่งก็สละราชสมบัติเสด็จเข้าป่าเป็นโยคี<span>  </span>ฝ่ายพระวิกรมาทิตย์และพระโอรสเสด็จกลับเมือง<span>  </span>มีอสูรซึ่งพระอินทร์ใช้ให้มาปกครองเมืองขณะที่ว่างเว้นพระราชา<span>  </span>ชื่อว่าปัถพีบาลได้เข้ามาขวาง<span>  </span>เกิดการต่อสู้<span>  </span>พระวิกรมาทิตย์ได้รับชัยชนะ<span>  </span>ปัถพีบาลจึงทูลว่าพระองค์จะสิ้นชีวิตในเร็ววัน<span>  </span>แล้วทูลเล่าเรื่องโยคีที่ผูกอาฆาตต่อพระบิดาของพระองค์<span>  </span>และประสงค์จะเอาชีวิตของพระองค์และพระโอรส<span>  </span>ขอให้ทรงระวังและหากใครมุ่งฆ่าพรองค์<span>  </span>พระองค์อาจตัดหัวผู้นั้นก่อนได้โดยครองธรรม<span>  </span>ต่อมาเมื่อพระวิกรมาทิตย์และพระโอรสเสด็จกลับเมือง<span>  </span>ก็มีผู้มาถวายผลไม้ที่ซ่อนเม็ดทับทิมไว้ข้างใน<span>  </span>ทรงถามว่าถวายเม็ดทับทิมในผลไม้ต้องมากมายอย่างนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร<span>  </span>พระองค์ยินดีที่จะตอบแทน<span>  </span>ชายผู้นั้นจึงทูลว่าตนเป็นโยคีชื่อ ศานติศีล<span>  </span>กำลังทำพิธีอยู่ในป่าช้าริมฝั่งแม่น้ำโคทาวรี<span>  </span>ขอให้พระองค์ไปพบตนที่ป่าช้าและปฎิบัติตามคำสั่งตน<span>  </span>พระวิกรมาทิตย์ทรงคิดถึงคำเตือนของปัถพีบาล<span>  </span>แต่ได้ทรงรับคำโยคีแล้ว<span>  </span>จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามที่โยคีขอร้อง<span>  </span>เมื่อได้เวลาจึงเสด็จออกจากวังพร้อมด้วยพระโอรส<span>  </span>บ่ายพระพักตร์ไปทางป่าช้า<span>  </span>พบโยคีศานติศีล<span>  </span>โยคีใช้ให้พระองค์ไปนำตัวเวตาล<span>  </span>ซึ่งห้อยตัวอยู่ที่ต้นอโศกในป่าช้าทางทิศใต้มาให้<span>  </span>ทรงทำตามที่ได้รับคำ<span>  </span>เมื่อปลดตัวเวาตาลลงมาก็ตรัสถามเวตาลว่า<span>  </span>เวตาลคือใคร<span>  </span>พระวิกรมาทิตย์ถามครั้งใดเวตาลก็จะบินกลับไปห้อยอยู่บนกิ่งไม้เหมือนเดิม เวตาลยอมให้จบในครั้งที่เจ็ด<span>  </span>และทูลพระองค์ว่าในระหว่างทางจะทูลเล่านิทาน<span>  </span>และจะถามปัญหา<span>  </span>หากพรองค์ตรัสตอบก็จะบินกลับมาอยู่ที่เดิม<span>  </span>เมื่อเวตาลเล่านิทานและถามคำถาม<span>  </span>พระวิกรมาทิตย์ก็ทรงเผลอตรัสตอบเสียทุกครั้ง<span>  </span>เป็นเช่นนั้นถึงยี่สิบสี่ครั้ง<span>  </span>ครั้งที่ยี่สิบห้าไม่ตรัสตอบพระวิกรมาทิตย์จึงนำตัวเวตาลมาถึงที่ประกอบพิธีขอโยคีศานติศีลได้<span>  </span>เวตาลทูลว่าโยคีนี้คืออริกับพระบิดาของพระองค์บัดนี้เขาจะให้พระองค์เคารพเทวรูปด้วยอัษษฎางคประณต<span>  </span>เมื่อได้สดับคำ &quot;อัษฎางคประณต&quot;<span>  </span>พระวิกรมาทิตย์ทรงคิดถึงคำเตือนของปัถพีบาล<span>  </span>ดังนั้นเมื่อโยคีทูลให้อัษฎางคประณต<span>  </span>จึงทรงออกอุบายให้โยคีทำให้ทอดพระเนตรก่อนแล้วทรงฉวยโอกาสนั้นชักพระแสงดาบออกตัดสีรษะโยคีถึงแก่ชีวิต<span>  </span>พระวิกรมาทิตย์และพระโอรสจึงทรงปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบ</span></span></span>\n</p>\n<p></p>\n<p align=\"left\">\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u31259/1105188aesmzdyfjb.gif\" height=\"64\" />\n</div>\n<p>  </p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #3366ff\"><a href=\"/node/81856\"><strong></strong></a></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"230\" src=\"/files/u31259/HOME.gif\" height=\"230\" style=\"width: 158px; height: 173px\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p align=\"left\">\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1720382147, expire = 1720468547, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:85e13306fda46348193b37dbb3a52234' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

โครงเรื่อง

   

  

 แหล่งที่มาของรูป http://sukumal.brinkster.net/meaploy/vetal/image/004.jpg

โครงเรื่องนิทานเวตาล

                นิทานเวตาล  ฉบับ น.ม.ส. ประกอบด้วยนิทานเรื่องใหญ่และเรื่องย่อยทั้งหมด ๑๐ เรื่อง นิทานเรื่องใหญ่อันเป็นโครงสำคัญมีเรื่องย่อดังนี้

                พระวิกรมาทิตย์  ครองกรุงอุชชยินี  มีพระประสงค์ที่จะสืบรู้ราชการบ้านเมืองอื่น  จึงทรงมอบบ้านเมืองให้พระภรรตฤราช  พระอนุชา  ปกครองแทนแล้วทรงปลอมเป็นโยคี  มีพระโอรสองคืที่ ๒ ะรนามว่าธรรมธวัช  ตามเสด็จไปในป่าและเมืองต่างๆ  พระอนุชาทรงปกครองบ้านเมืองได้ระยะหนึ่งก็สละราชสมบัติเสด็จเข้าป่าเป็นโยคี  ฝ่ายพระวิกรมาทิตย์และพระโอรสเสด็จกลับเมือง  มีอสูรซึ่งพระอินทร์ใช้ให้มาปกครองเมืองขณะที่ว่างเว้นพระราชา  ชื่อว่าปัถพีบาลได้เข้ามาขวาง  เกิดการต่อสู้  พระวิกรมาทิตย์ได้รับชัยชนะ  ปัถพีบาลจึงทูลว่าพระองค์จะสิ้นชีวิตในเร็ววัน  แล้วทูลเล่าเรื่องโยคีที่ผูกอาฆาตต่อพระบิดาของพระองค์  และประสงค์จะเอาชีวิตของพระองค์และพระโอรส  ขอให้ทรงระวังและหากใครมุ่งฆ่าพรองค์  พระองค์อาจตัดหัวผู้นั้นก่อนได้โดยครองธรรม  ต่อมาเมื่อพระวิกรมาทิตย์และพระโอรสเสด็จกลับเมือง  ก็มีผู้มาถวายผลไม้ที่ซ่อนเม็ดทับทิมไว้ข้างใน  ทรงถามว่าถวายเม็ดทับทิมในผลไม้ต้องมากมายอย่างนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร  พระองค์ยินดีที่จะตอบแทน  ชายผู้นั้นจึงทูลว่าตนเป็นโยคีชื่อ ศานติศีล  กำลังทำพิธีอยู่ในป่าช้าริมฝั่งแม่น้ำโคทาวรี  ขอให้พระองค์ไปพบตนที่ป่าช้าและปฎิบัติตามคำสั่งตน  พระวิกรมาทิตย์ทรงคิดถึงคำเตือนของปัถพีบาล  แต่ได้ทรงรับคำโยคีแล้ว  จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามที่โยคีขอร้อง  เมื่อได้เวลาจึงเสด็จออกจากวังพร้อมด้วยพระโอรส  บ่ายพระพักตร์ไปทางป่าช้า  พบโยคีศานติศีล  โยคีใช้ให้พระองค์ไปนำตัวเวตาล  ซึ่งห้อยตัวอยู่ที่ต้นอโศกในป่าช้าทางทิศใต้มาให้  ทรงทำตามที่ได้รับคำ  เมื่อปลดตัวเวาตาลลงมาก็ตรัสถามเวตาลว่า  เวตาลคือใคร  พระวิกรมาทิตย์ถามครั้งใดเวตาลก็จะบินกลับไปห้อยอยู่บนกิ่งไม้เหมือนเดิม เวตาลยอมให้จบในครั้งที่เจ็ด  และทูลพระองค์ว่าในระหว่างทางจะทูลเล่านิทาน  และจะถามปัญหา  หากพรองค์ตรัสตอบก็จะบินกลับมาอยู่ที่เดิม  เมื่อเวตาลเล่านิทานและถามคำถาม  พระวิกรมาทิตย์ก็ทรงเผลอตรัสตอบเสียทุกครั้ง  เป็นเช่นนั้นถึงยี่สิบสี่ครั้ง  ครั้งที่ยี่สิบห้าไม่ตรัสตอบพระวิกรมาทิตย์จึงนำตัวเวตาลมาถึงที่ประกอบพิธีขอโยคีศานติศีลได้  เวตาลทูลว่าโยคีนี้คืออริกับพระบิดาของพระองค์บัดนี้เขาจะให้พระองค์เคารพเทวรูปด้วยอัษษฎางคประณต  เมื่อได้สดับคำ "อัษฎางคประณต"  พระวิกรมาทิตย์ทรงคิดถึงคำเตือนของปัถพีบาล  ดังนั้นเมื่อโยคีทูลให้อัษฎางคประณต  จึงทรงออกอุบายให้โยคีทำให้ทอดพระเนตรก่อนแล้วทรงฉวยโอกาสนั้นชักพระแสงดาบออกตัดสีรษะโยคีถึงแก่ชีวิต  พระวิกรมาทิตย์และพระโอรสจึงทรงปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบ

 

 

 

สร้างโดย: 
คุุณครูรัตนาภรณ์ ทองอยู่และ น.ส.วิลพรรณ ไพโรจน์พาณิชย์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 440 คน กำลังออนไลน์