ฉบับที่5
ฉบับที่ 5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492
เกิดขึ้นโดย สภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2491 ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกวุฒิสภา 10 คน สมาชิกสภาผู้แทน 10 คน และจากผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอีก 4 ประเภท ประเภทละ 5 คน เท่ากับ 20 คน รวมทั้งสิ้น 40 คน มีเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน แล้วจึงนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
รัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างขึ้นโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญนี้ ได้ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2492 จำนวน 188 มาตรา ซึ่งนับว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากฉบับหนึ่ง แต่ในที่สุด ก็ถูก "ฉีกทิ้ง" เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 โดยการทำรัฐประหารภายใต้การนำของจอมพล ป. พิบูลสงคราม รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 2 ปี 8 เดือน 6 วัน
จอมพล แปลก พิบูลสงคราม
ที่มา : http://kanchanapisek.or.th/kp8/lbr/lbr202.html
หลักการสำคัญ
1) ให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของทหารทั้งปวง และกำหนดให้มีคณะองคมนตรี ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์
2) รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้น คือ มีการรับรองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น โดยได้บัญญัติถึงสิทธิและเสรีภาพไว้อย่างละเอียดถึง 20 มาตรา ขณะเดียวกันก็กำหนดหน้าที่ของปวงชนชาวไทย โดยได้บัญญัติขยายให้มากขึ้นด้วย
3) กำหนดให้มีแนวนโยบายแห่งรัฐเป็นครั้งแรก
4) ใช้ระบบรัฐสภาโดยมี 2 สภา สภาสูง ได้แก่ วุฒิสภา ประกอบด้วย สมาชิกจำนวน 100 คน มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีบริบูรณ์ โดยพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง มีกำหนดวาระ 6 ปี และให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ส่วน สภาผู้แทน นั้น สมาชิกเป็นผู้ที่ราษฎรเลือกตั้งโดยตรง ตามแบบรวมเขตจังหวัด มีกำหนดวาระ 4 ปี โดยมีข้อห้ามมิให้บุคคลเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนได้ในขณะเดียวกัน
5) วุฒิสภาไม่มีอำนาจลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล และไม่มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติ แต่มีอำนาจยับยั้งพระราชบัญญัติ
6) สมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทน มีวิธีเปิดอภิปรายทั่วไปในสภาแห่งตน โดยไม่มีการลงมติ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในปัญญาอันเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
7) สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทน จะเป็นข้าราชการประจำมิได้ และรัฐมนตรีจะเป็นข้าราชการประจำมิได้ เป็นการแยกราชการประจำออกจากการเมือง เพื่อป้องกันทหารประจำการไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
8) ห้ามสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทน และรัฐมนตรีทำการค้า
9) กำหนดให้คณะรัฐมนตรี ขอให้สภาผู้แทนราษฎรยืนยันความไว้วางใจ ภายหลังที่สภาลงมติไว้วางใจในเมื่อแถลงนโยบายไปแล้วได้ และถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะฟังความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทน นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาขอเปิดอภิปรายทั่วไปได้
10) กำหนดให้มีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยชี้ขาดกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและทำหน้าที่อื่นๆ ด้วย
11) ให้ประชาชนออกเสียงประชามติเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติม