การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR)
2.3 เครื่องกดหน้าอกด้วยกลไกสูบลม (Mechanical piston device)
เครื่องกดหน้าอกด้วยกลไกสูบลม(mechanicalpistondevice)ใช้หลักการกดหน้าอกโดยอาศัยการอัดแก๊สและปล่อยแก๊สผ่านอุปกรณ์คล้ายลูกสูบที่ติดตั้งบนbackboardในงานวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างในผู้ใหญ่3รายการ(LO 2),48–50พบว่าการทำCPRโดยใช้เครื่องกดหน้าอกแบบสูบลมทั้งในและนอกโรงพยาบาลโดยบุคลากรทางการแพทย์ให้ได้end-tidalCO2ต่ำลงและได้meanarterialpressureสูงขึ้นอาจพิจารณาใช้เครื่องกดหน้าอกด้วยกลไกสูบลมในการทำCPRในสถานการณ์ที่การทำCPRด้วยมือแบบมาตรฐานทำได้ยาก(ClassIIb)ในการใช้เครื่องกดหน้าอกควรตั้งเครื่องให้กดหน้าอกได้ความลึกมากพอและให้ได้อัตราการกด100ครั้งต่อนาทีโดยมีอัตราการกดหน้าอกต่อการหายใจ30:2จนกว่าจะได้ใส่ท่อหายใจและให้ได้ระยะกดนานเป็น50%ของวงจรการกด-ปล่อยหน้าอกทั้งนี้เครื่องที่ใช้ต้องปล่อยให้หน้าอกเด้งกลับได้เองเต็มที่
2.4 การทำ CPR โดยใช้ถุงลมพันหน้าอก
การทำCPRโดยใช้ถุงลมพันรอบหน้าอก(load-distributingbandหรือLDB-CPRหรือvestCPR)เป็นการทำCPRโดยใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นถุงลมพันรอบหน้าอกมายึดแน่นกับbackboardถุงลมนี้มีระบบเป่าลมเข้าและสูบลมออกเป็นจังหวะหลักฐานจากการวิจัยแบบcasecontrolกับผู้ป่วยผู้ใหญ่นอกโรงพยาบาล162ราย(LOE4)51พบว่าหากใช้LDB-CPRโดยผู้ปฏิบัติการที่ได้รับการฝึกอบรมดีแล้วจะทำให้อัตราการรอดชีวิตจนมาถึงห้องฉุกเฉินดีขึ้นในงานวิจัยหนึ่งซึ่งทดลองใช้LDB-CPRกับผู้ป่วยในระยะสุดท้ายในโรงพยาบาล(LOE3)5253,54พบว่าทำให้hemodynamicsดีขึ้นจึงอาจพิจารณาใช้LDB-CPRเป็นอุปกรณ์ช่วยทำ CPRทั้งในและนอกโรงพยาบาลหากมีผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการฝึกอบรมให้ทำได้(ClassIIb) กับงานวิจัยในห้องปฏิบัติการอีก2รายการ(LOE6)
2.5 การทำ CPR ด้วยอุปกรณ์กดหน้าอกสลับกับท้องชนิดใช้มือจับ
หลักฐานจากงานวิจัยแบบสุ่มตัวอย่าง1รายการในผู้ใหญ่ที่เกิดหัวใจหยุดเต้นทั้งในและนอกโรงพยาบาลแล้วทำCPRด้วยอุปกรณ์กดหน้าอกสลับกับท้องชนิดใช้มือจับ(phasedthoracic-abdominalcompression-decompressionหรือPTACD-CPR)ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รวมเอาแนวคิดของIAC-CPRกับACD-CPRเข้าด้วยกันพบว่า(LOE2)55อัตราการรอดชีวิตไม่แตกต่างจากการทำCPRแบบมาตรฐานจึงยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนการใช้PTACD-CPRนอกจากเพื่อการวิจัย(ClassIndeterminate)