• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:82ae13f5e51a7f23d376233076483c5d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต กระบวนการคิด และกระบวนการกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4</p>\n<p>ชื่อผู้วิจัย นางสาวสุภาวดี แซ่โค้ว</p>\n<p>สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี)</p>\n<p>สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา</p>\n<p>ปีที่ทำการวิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p>บทคัดย่อ</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อ และความต้องการ การจัดการเรียนการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อสร้างและพัฒนาชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ประชากร ที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 6 ห้องเรียน จำนวน 217 คน ซึ่งจัดห้องเรียนแบบคละความสามารถของผู้เรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อ ปัญหา ความต้องการในการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) สอบถามผู้เรียน ครู และผู้บริหาร จำนวน 25 ข้อ 2) ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 4-8 จำนวน 5 ชุด รวม 5 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างเรียน จำนวน 60 ข้อ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 4-8 จำนวน 30 ข้อ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 20 ข้อ แบบแผนการวิจัยเป็นแบบวิจัยเชิงทดลอง (One Group Pretest-Posttest Designs) วิเคราะห์ข้อมูล</p>\n<p>ด้วยค่าสถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบสมมติฐานค่าที (t-test) แบบ dependent</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัย พบว่า</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 1. ผู้เรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) และผู้กำกับลูกเสือต้องการให้มีการพัฒนาสื่อชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) เพื่อให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ศึกษา จัดกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2. ได้มีชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ คำนำ วัตถุประสงค์ คู่มือครู และคู่มือผู้เรียนชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มี 5 ชุด คือ ชุดที่ 1 ท่าบุคคลประกอบอาวุธ ชุดที่ 2 การใช้สัญญาณมือและสัญญาณนกหวีด ชุดที่ 3 การตั้งแถวและการเรียกแถว ชุดที่ 4 คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ และชุดที่ 5 กิจกรรมกลางแจ้ง ชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพโดยรวม E1/E2 = 85.48/86.12</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 4. ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (เฉลี่ย= 3.62, S.D. = 0.07)</p>\n', created = 1714701645, expire = 1714788045, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:82ae13f5e51a7f23d376233076483c5d' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต กระบวนการคิด

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต กระบวนการคิด และกระบวนการกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ชื่อผู้วิจัย นางสาวสุภาวดี แซ่โค้ว

สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี)

สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ปีที่ทำการวิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561

 

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อ และความต้องการ การจัดการเรียนการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อสร้างและพัฒนาชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ประชากร ที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 6 ห้องเรียน จำนวน 217 คน ซึ่งจัดห้องเรียนแบบคละความสามารถของผู้เรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) จำนวน 38 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อ ปัญหา ความต้องการในการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) สอบถามผู้เรียน ครู และผู้บริหาร จำนวน 25 ข้อ 2) ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 4-8 จำนวน 5 ชุด รวม 5 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างเรียน จำนวน 60 ข้อ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยที่ 4-8 จำนวน 30 ข้อ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 20 ข้อ แบบแผนการวิจัยเป็นแบบวิจัยเชิงทดลอง (One Group Pretest-Posttest Designs) วิเคราะห์ข้อมูล

ด้วยค่าสถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบสมมติฐานค่าที (t-test) แบบ dependent

          ผลการวิจัย พบว่า

          1. ผู้เรียนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) และผู้กำกับลูกเสือต้องการให้มีการพัฒนาสื่อชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) เพื่อให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ศึกษา จัดกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม

          2. ได้มีชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ คำนำ วัตถุประสงค์ คู่มือครู และคู่มือผู้เรียนชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มี 5 ชุด คือ ชุดที่ 1 ท่าบุคคลประกอบอาวุธ ชุดที่ 2 การใช้สัญญาณมือและสัญญาณนกหวีด ชุดที่ 3 การตั้งแถวและการเรียกแถว ชุดที่ 4 คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ และชุดที่ 5 กิจกรรมกลางแจ้ง ชุดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพโดยรวม E1/E2 = 85.48/86.12

          3. ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

          4. ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ-เนตรนารี) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (เฉลี่ย= 3.62, S.D. = 0.07)

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 480 คน กำลังออนไลน์