การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการ
เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางเพชรี มากมี
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างของการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาลวัดเสาธงทอง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนนักเรียน 30 คน ได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI โดยใช้ควบคู่กับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน จำนวน 12 แผน เวลา 18 ชั่วโมง 2) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน ที่ผู้วิจัยได้สร้างและพัฒนาขึ้น จำนวน 5 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย () ร้อยละ (%) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบที ()
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.87/83.07 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า มีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด