เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ครูอัญชรี เวยสาร โรงเรียนพังโคนวิทยาคม จ.สกลนคร
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึก CIRC
ชื่อผู้วิจัย นางอัญชรี เวยสาร
ปีที่ทำการวิจัย ปีการศึกษา 2558
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ด้านการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC และ3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้แบบฝึก CIRC ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพังโคนวิทยาคม 6 ห้องเรียน(ห้องเลขคี่) จำนวน 224 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/9 จำนวน 25 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เนื่องจากเป็นห้องที่จัดนักเรียนแบบคละชั้นมีสัดส่วนของนักเรียนเก่ง ปานกลางและอ่อนในปริมาณใกล้เคียงกัน รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงทดลอง ใช้แบบแผนการวิจัยแบบ One Group Pretest Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบฝึก CIRC จำนวน 7 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 7 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้านการอ่านและเขียน แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC และแบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนที่ใช้แบบฝึก CIRC การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิจัย ใช้สถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ
t-test แบบ dependent
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการเรียนรู้ด้านการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึก CIRC พบว่า หลังเรียนมีผลการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1 ที่ตั้งไว้
2. ผลการประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนประเมินโดยผู้วิจัยในภาพรวม ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างความคุ้นเคย การสื่อความหมาย การจูงใจ และการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง มีการปฏิบัติโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า พฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนด้านการสื่อความหมายปฏิบัติมากเป็นอันดับ 1 พฤติกรรมด้านการจูงใจ เป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติมากเป็นอันดับที่ 2 พฤติกรรมด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้ง เป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติมากเป็นลำดับที่ 3 และพฤติกรรมด้านการสร้างความคุ้นเคยมีการปฏิบัติมาก เป็นอันดับสุดท้าย
3. ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC ทั้ง 3 ด้านได้แก่ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC ในภาพรวม มีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC ด้านบรรยากาศการเรียนรู้มีระดับความคิดเห็นด้วยมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 รองลงมา ได้แก่ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ และด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก CIRC มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุดเป็นอันดับสุดท้าย จากผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้แบบฝึก CIRCสรุปได้ว่าในภาพรวมนักเรียนมีความคิดเห็นอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด ตรงตามสมมติฐานข้อที่ 2 ที่ตั้งไว้คือ ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้แบบฝึก CIRC อยู่ในระดับเห็นด้วยมากขึ้นไป