ประวัติศาสตร์ไทย (รัชกาลที่ 5)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมเหสี และ เจ้าจอม รวมทั้งหมด 92 พระองค์ โดย 36 พระองค์มีพระราชโอรส-ธิดา อีก 56 พระองค์ไม่มี และพระองค์ทรงมีพระราชโอรส-ธิดา รวมทั้งสิ้น 77 พระองค์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 โปรดให้สถาปนาพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรีเป็นนางเธอฯ ในต้นรัชกาลนั้น และเลื่อนเป็นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี เมื่อปี พ.ศ.2423 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระนางสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ ครั้น พ.ศ.2437 สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ มกุฎราชกุมารพระองค์แรกในกรุงสยามซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 อันประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี เสด็จทิวงคต พระพุทธเจ้าหลวงปิยมหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี พระราชโอรสที่ประสูตแต่พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี เลื่อนขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารแทน และโปรดเกล้าฯ ให้พระชนนีของมกุฎราชกุมารนั้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 มีพระนามเดิม พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา รวม 9 พระองค์คือ
1. สมเด็จเจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย เป็นกรมพระเทพนารีรัตน์ ในรัชกาลที่ 6 ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2421 แต่พระองค์สิ้นพระชนม์แค่พระชันษา 9 ปี
2. สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ประสูติเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2423 ต่อมาทรงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเทพทวาราวดี และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ตามลำดับ ภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
3. สมเด็จเจ้าฟ้าตรีเพชรรุตมธำรง ประสูติเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2424 สิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชันษาเพียง 7 พรรษา
4. สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ เป็นกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ต้นสกุลจักรพงษ์ ประสูติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2425 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2463
5. สมเด็จเจ้าฟ้าศิริราชกุกุธภัณฑ์ ประสูติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2428 สิ้นพระชนม์แต่พระชันษา 3 ปี
6. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง สิ้นพระชนม์ในวันที่ประสูติ
7. สมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางคเดชาวุธ เป็นกรมหลวงนครราชสีมา ประสูติเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2432 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2467
8. สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก เป็นกรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย ประสูติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2435 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2466
9. สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิ์เดชน์ เป็นกรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ประสูติเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2436 และเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 7
สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี ในรัชกาลที่ 5 มีพระนามเดิม “สว่างวัฒนา” ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา รวม 8 พระองค์คือ
1.สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหาวชิรุณหิศฯสมเด็จพระบรมราชโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมาร ประสูติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2421 สวรรคตเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2432 พระชนมายุได้ 16 พรรษาเศษ
2. สมเด็จเจ้าฟ้าชายอิศริยาภรณ์ ประสูติเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2428 มีพระชนมายุได้เพียง 21 วัน ก็สิ้นพระชนม์
3. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวิจิตรจิรประภา ประสูติเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2424 มีพระชนมายุได้ 3 เดือน กับ 24 วันก็สิ้นพระชนม์
4. สมเด็จเจ้าฟ้าชายสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ ประสูติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2425 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2442 มีพระชนม์มายุได้ 17 พรรษา
5. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ประสูติเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2427 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 มีพระชนม์มายุได้ 54 พรรษาเศษ
6. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงศิราภรณ์โสภณ ประสูติเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2431 สิ้นพระชนมเมื่อพระชนม์มายุได้ 9 พรรษา
7. สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ประสูติเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2434 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2470 เมื่อมีพระชนมายุได้ 37 พรรษา นับว่าพระองค์มีพระบุญญาธิการอันยิ่งใหญ่ที่พระโอรสได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินถึง 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และต่อมาในรัชกาลที่ 9 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชบิดากรมหลวงสงขลานครินทรว่า สมเด็จพระมหิตลาธิเบศธ์อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และประกาศเฉลิมพรนามาภิไธย สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลว่า “สมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนี”
8. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงประสูติได้ 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์
พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 5
พระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว เป็นตรางา ลักษณะกลมรี กว้าง 5.5 ซ.ม. ยาว 6.8 ซ.ม. โดยมีตรา พระเกี้ยว หรือ พระจุลมงกุฏ ซึ่งประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า 2 ชั้น มีฉัตรบริวารตั้งขนาบทั้ง 2 ข้าง ถัดออกไปจะมีพานแว่นฟ้า 2 ชั้น ทางด้านซ้ายวางสมุดตำรา และทางด้านขวาวางพระแว่นสุริยกานต์เพชร โดยพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นการเจริญรอยจำลองมาจากพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
การสร้างพระลัญจกรประจำพระองค์นั้น จะใช้แนวคิดจากพระบรมนามาภิไธยก่อนทรงราชย์ นั่นคือ "จุฬาลงกรณ์" ซึ่งแปลว่า เครื่องประดับศีรษะ หรือ จุลมงกุฎ ดังนั้น จึงเลือกใช้ พระเกี้ยว หรือ จุลมงกุฎ มาใช้เป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์