การวางแผนครอบครัว

รูปภาพของ chi1new

เริ่มหน้า 5

 
  จะปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อลืมรับประทานยาคุมกำเนิด

  เมื่อลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม   
 ลืมรับประทาน 1 เม็ด ... ให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และรับประทานยาเม็ดต่อไป ตามเวลาเดิม
 
ถ้าลืมรับประทาน 2 เม็ด ... ให้รับประทานยาวันละ 2 เม็ดติดกัน 2 วัน (โดยแบ่งรับประทานตอนเช้า 1 เม็ด, ตอนเย็น 1 เม็ด) หลังจากนั้น รับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย 1 สัปดาห์
 
ถ้าลืมรับประทานมากกว่า 2 เม็ด ... ให้หยุดรับประทานยา ใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิด รอจนกว่าประจำเดือนมา จึงเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่

 เมื่อลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว 
 ลืมรับประทาน 1 เม็ด ... ให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และรับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มรับประทานยาใหม่
 
ลืมรับประทาน 2 เม็ด ... ให้รับประทานยาวันละ 2 เม็ดติดกัน 2 วัน (โดยแบ่งรับประทานตอนเช้า 1 เม็ด, ตอนเย็น 1 เม็ด) หลังจากนั้น รับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ ควรใช้ถุงยาง อนามัยร่วมด้วย 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มรับประทานยาใหม่
 
ลืมรับประทานมากกว่า 2 เม็ด ... ให้รับประทานยาต่อไปตามปกติ วันละ 1 เม็ด (ไม่ต้องรับประทานยาในแต่ละวันเพิ่ม) ใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิด จนกว่าประจำเดือนมา หรือมั่นใจว่า ไม่มีการตั้งครรภ์ (เช่น โดยการทดสอบการตั้งครรภ์) จึงหยุดใช้ถุงยางอนามัย

  อาการข้างเคียงที่อาจพบ ในยาเม็ดคุมกำเนิด

    ในปัจจุบัน ยาเม็ดคุมกำเนิดส่วนใหญ่มีระดับฮอร์โมน เอสโตรเจนต่ำลง เพื่อลดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเขียน ปวดศีรษะ ตึงคัดเต้านม เป็นฝ้า และลดความเสี่ยงต่อโรคระบบการแข็งตัวของเลือด
นอกจากนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยโปรเจสเตอโรนยุคใหม่ เช่น ดีโซเจสตรีล ซึ่งมีฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชายต่ำ ทำให้ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว ลดการเกิดสิว และมีผล่ตอระบบไขมัน
หากผู้รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ทราบสาเหตุการป้องกัน และการแก้ไขอาการต่างๆ เหล่านี้ และนำไปปฏิบัติ จะเป็นประโยชน์ในการช่วยลดอาการข้างเคียงลงได้

  อาการคลิ่นไส้ อาเจียน

    สาเหตุ 
 มักเกิดในผู้ที่เริ่มใช้ยาแผงแรกๆ 
 เกิดจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนขนาดสูง 
 การป้องกัน 
 รับประทานยาหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน 
 ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนขนาดต่ำ

 ปวดศีรษะ ตึงคัดเต้านม

   สาเหตุ 
 ฮอร์โมนในยาเม็ดคุมกำเนิด โดยเฉพาะเอสโตรเจน อาจทำให้มีการคั่งของน้ำ และเกลือ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ และตึงคัดเต้านมได้ 
 การป้องกัน 
 หลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดในผู้ที่เป็นไมเกรน 
 เลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีเอสโตรเจนต่ำๆ หรือหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด 
 หากปวดศีรษะมาก มีอาการจตาพร่า หรือมีอาการทางระบบประสาท และสมองต้องงรีบไป พบแพทย์ 
 อาการเจ็บคัดเต้านม มักพบในระยะแรกของการใช้ยา ควรเลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี  เอสโตรเจนต่ำๆ ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีอาการลดลง หรือหายไปในเวลาต่อมา

 หน้าเป็นฝ้า

   สาเหตุ  
 อาจเกิดจากรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง 
 การป้องกัน 
 ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนขนาดต่ำ 
 หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด 
 ใช้ครีมกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือครีมป้องกันฝ้า

 เลือดออก กระปริดกระปรอย

   สาเหตุ 
 มักเกิดในผู้ที่เริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผงแรกๆ 
 เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้ ในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีโปรเจสโตเจนอย่างเดียว 
      อาจเกิดจากการรับประทานยาไม่ตรงเวลา หรือลืมรับประทานยา 
 อาจเกิดจากรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ร่วมกับยาอื่นๆ ซึ่งมีปฏิกิริยาต่อกันได้ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยากันฃัก เป็นต้น 
 การป้องกัน 
 รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน และไม่ลืม 
 หากมีเลือดออกกระปริดกระปรอย เกิน 3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ หรือพิจารณาเปลี่ยนยา

 การขาดประจำเดือน

   สาเหตุ 
      อาการข้างเคียงจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว 
 ผู้ที่ใช้ยาฉีดคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน แล้วมีการขาดประจำเดือน ในการเริ่มใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรกๆ อาจทำให้ยังไม่มีประจำเดือน เนื่องจาดฤทธิ์ของยาฉีดคุมกำเนิด 
 ตั้งครรภ์จากการรับประทานยาไม่ถูกต้อง 
 การป้องกัน 
 ในรายที่สงสัยว่า ตั้งครรภ์ ควรทดสอบการตั้งครรภ์ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆ จึงรับประทานยาต่อไปได้ 
 กรณีที่ใช้ยาแล้วประจำเดือนไม่มา และตรวจแล้วว่า ไม่ได้ตั้งครรภ์ อาจแก้ไขโดยการเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิด ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น


 สิว

   สาเหตุ   
 ฮอร์โมนโปรเจสโตเจนที่มีฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชายสูง อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น 
 การป้องกัน 
 เลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจน ที่มีฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชายต่ำ เช่น ดีโซเจตรีล 
 รักษาความสะอาดของผิวหน้าอยู่เสมอ


 น้ำหนักตัวเพิ่ม

   สาเหตุ 
 ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เกิดการคั่งของน้ำ และไขมันใต้ผิวหนัง 
 ฮอร์โมนโปรเจสโตเจนที่มีฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชายสูง ทำให้อยากรับประทานอาหารมากขึ้น 
 การป้องกัน 
 เลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีเอสโตเจนขนาดต่ำ ๆ และประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจน  ที่มีฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชายต่ำ เช่น ดีไซเจสตรีล 
 ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย 
 หากน้ำหนักตัวเพิ่มเกิน 5 กก. ควรหยุดใช้ยา และปรึกษาแพทย์

 การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับยาอื่น
 การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับยาอื่นๆ บางชนิดอาจมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยานั้นๆ เช่น ลดประสิทธิภาพ และเพิ่มอาการข้างเคียงของยานั้นๆ เช่น การใช้ร่วมกับยาระงับอาการซึมเศร้า ยาปฏิชีวนะ ยารักษาวัณโรค ฯลฯ ขณะเดียวกัน ยาต่างๆ ก็อาจมีผลต่อประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดได้ เช่น การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ร่วมกับยากันฃัก ยารักษาวัณโรค ยารักษาเชื้อรา ยาแก้แพ้อากาศ ฯลฯ จึงควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร ให้แน่ใจว่า ควรจะใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น เช่น ถุงยางอนามัยร่วมด้วยหรือไม่

 ระยะเวลาในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
 สหพันธ์วางแผนครอบครัวระหว่างประเทศ (IPPF) ได้แนะนำว่า สตรีที่มีสุขภาพทั่วไปแข็งแรง และไม่สูบบุหรี่ สามารถใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดไปได้เรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดยาเป็นพักฟ เพราะการหยุดยาดังกล่าว อาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้

 ภาวะการเจริญพันธุ์ หลังหยุดยาเม็ดคุมกำเนิด
 ยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ทำให้โอกาสการตั้งครรภ์ลดลง อย่างไรกฌตาม อาจพบภาวะการขาดประจำเดือนได้ ในช่วงแรกของการหยุดรับประทานยา ซึ่งเป็นช่วงที่สมอง และรังไข่กำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนใหญ่แล้ว ประจำเดือนจะกลับมาปกติภายใน 3 เดือน หลังจากหยุดยา หากประจำเดือนไม่มานานเกินกว่า 3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหุของการขาดประจำเดือนต่อไป

 ประโยชน์อื่นๆ ของยาเม็ดคุมกำเนิด   
 ทำให้มีรอบเดือนสม่ำเสมอ 
 ลดอุบัติการของกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น ภาวะเครียด 
 ลดอาการปวดประจำเดือน 
 ลดภาวะโลหิตจาง 
 ลดอุบัติการของเนื้องอกรังไข่ชนิดไม่ร้ายแรง 
 ลดอุบัติการของการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และรังไข่ 
 ลดอุบัติการของเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก 
 ลดอุบัติการของการเกิดโรคไข้ข้อรูมาตอยด์ 
 ลดอุบัติการของภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน

 ข้อห้ามการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด   
 ตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ 
 โรคของถุงน้ำดี 
 เป็นโรค หรือเคยเป็นโรคเกี่ยวข้องกับหัวใจ และหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดลือดอุดตัน เป็นต้น 
 โรคตับ 
 มีเลือดออกจากโพรงมดลูก โดยยังไม่ทราบสาเหตุ 
 มะเร็งของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน และหรือเต้านม

  ข้อมูลข้างต้นนี้ เป็นเพียงแนวทาง เพื่อการดูแลตนเองในเบื้องต้น หากมีขอ้สงสัย ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือพยาบาล


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
ทีมงาน Siamhealth .net ,
http://www.siamhealth.net/
บทความของ  รศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล

http://www.geocities.com/lifer2lover/news_story02.jpg
http://www.zazana.com/picupload/images/228092.jpg
http://www.vcharkarn.com/uploads/74/74199.jpg

หมดหน้า 5

สร้างโดย: 
ครูจิราภรณ์ สุคันธวิภัติ

แวะมาอ่านครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

ลิงค์แล้วจ้ะ จะลองทำดูบ้างนะ ไม่รู้จะทำได้ดีเหมือนครูยุ่นหรือเปล่า

รูปภาพของ chi1new

ระดับครูน้อยแล้วต้องทำไดดีกว่าด้วยจ๊ะ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 492 คน กำลังออนไลน์