การวางแผนครอบครัว

รูปภาพของ chi1new

เริ่มหน้า 4

 

 ยาเม็ดคุมกำเนิดคืออะไร
ยาเม็ดคุมกำเนิด คือยาเม็ดที่ใช้กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบชั่วคราวประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน และโปรเจสโตเจนจัดทำไว้เป็นแผงหลายชนิด แต่ละชนิด จะมี ปริมาณ ตัวยาและจำนวนเม็ดไม่เท่ากันเช่น 21,28 เม็ด ผู้ใช้ต้องกินอย่างต่อเนื่อง บางชนิดอาจหยุดยาเป็นช่วง เมื่อเลิกใช้ก็สามารถกลับมามีบุตรได้อีก เมื่อรับประทานยาครบ สิบเม็ดจึงจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้

   ประเภทของยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนระดับเดียว
 
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนหลายระดับ 
 
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสโตเจน
 
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ใช้ภายหลังการร่วมเพศ

 ยาเม็ดคุมกำเนิด ป้องกันการตั้งครรภ์อย่างไร 
 
ยาเม็ดคุมกำเนิด ประกอบด้วย ฮอร์โมนสังเคราะห์ คือ เอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ที่มีอยู่ในร่างกายของผู้หญิงอยู่แล้ว ฮอร์โมนสังเคราะห์มในยาเม็ดคุมกำเนิด จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดย 
 ป้องกันการเจริญ และการสุกของไข่ ทำให้ไม่มีไข่ตก
 ทำให้มดลูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เชื้ออสุจิจึงไม่สามารถผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้
 ยับยั้งการเดินทางของไข่ และของตัวอสุจิ
 ทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อตัว ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต

  ประเภทของยาเม็ดคุมกำเนิด    

แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

          ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งประกอบด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน บรรจุเป็นแผง แผงละ 21-22 เม็ด และ 28 เม็ดโดยแบ่งย่อยได้เป็น 2 ชนิด คือ 
ชนิดที่มีฮอร์โมนระดับเดียว นั่นคือ ยาทุกเม็ดมีปริมาณฮอร์โมนรวมเท่ากันเป็นชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด  
ชนิดที่มีปริมาณของฮอร์โมนต่างกัน แบ่งออกเป็น 2-3 ช่วง โดยยังคงใช้ฮอร์โมนรวม เหมือนชนิดแรกแต่ ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจนโตเจนแตกต่างกัน ในแต่ละช่วง 
 ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียวแต่ละเม็ดจะมีปริมาณฮอร์โมนน้อย ยาทุกเม็ดในแผงจะประกอบด้วยฮอร์โมนทั้งหมด (ไม่มีเม็ดแป้ง)บรรจุแผงละ 28 เม็ดเหมาะสำหรับสตรีหลังคลอด ที่เลี้ยงลูกด้วยนมตนเอง เนื่องจากไม่มีฮอร์โมน เอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ จึงไม่มีผลกระทบต่อทั้ง คุณภาพและปริมาณน้ำนมของแม่ และมีประโยชน์ ในผู้ที่ไม่สามารถทนอาการข้างเคียง จากฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ 
 ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่ใช้หลังการมีเพศสัมพันธ์ ยากลุ่มนี้แต่ละเม็ดจะมีมีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก จึงมีอาการข้างเคียงสูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดกลุ่มอื่นๆ ผู้ใช้จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างมากมีเลือดออกผิดปกติ และมีอันตรายต่อร่างกายสูงกว่า เช่น ยาบางตัวในกลุ่มนี้มีข้อจำกัด ไม่ควรใช้เกินเดือนละ 4 เม็ดนอกจากนี้ ผลการป้องกันการตั้งครรภ์ ยังต่ำกว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ชนิดฮอร์โมรวม ถ้ารับประทานผิดพลาดอาจเกิดการตั้งครรภ์ได้ จึงเหมาะในการใช้กับผู้ที่ไม่ได้เตรียมคุมกำเนิดมาก่อน ถุงยางอนามัยแตก หรือรั่ว หรือกรณีถูกข่มขืน

 วิธีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด 

      วิธีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

          ชนิดแผง 21-22 เม็ด  ยาทุกเม็ดในแผงจะประกอบด้วย ฮอร์โมนทั้งหมด แผงแรกควรเริ่มรับประทานยาเม็ดแรก ในวันแรกที่มีประจำเดือนมา หรือวันถัดจากวันแรก วันใดก็ได้ แต่ไม่เกินวันที่ 5 ของรอบเดือน (โดยนับวันแรกที่มีเลือดประจำเดือน เป็นวันที่หนึ่งของรอบเดือน) รับประทานยาวันละ 1 เม็ด ติดต่อกันทุกวัน ตามลูกศร เมื่อรับประทานยาครบ 21 เม็ด จนหมดแผงแรกปล้ว ให้หยุดยา 7 วัน ในระหว่างนี้ ควรลมีเลือดประจำเดือนมา และเมื่อหยุดยาครบ 7 วัน ให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่ได้ ถึงแม้ว่า ประจำเดือนจะหมดหรือไม่ก็ตาม 

          ชนิดแผง 28 เม็ด  ในแผงหนึ่งจะประกอบด้วยฮอร์โมน 21-22 เม็ด และอีก 6-7 เม็ด ไม่มีฮอร์โมน ซึ่งจะมีขนาดต่างจาก 21-22 เม็ดแรก การเริ่มรับประทานยาแผงแรก ให้เริ่มรับประทานยาเม็ดแรก ในวันแรกที่มีประจำเดือนมา หรือวันถัดจากวันแรกวันใดก็ได้ แต่ไม่เกินวันที่ 5 ของรอบเดือน รับประทานยาวันละ 1 เม็ด ติดต่อกันทุกวันตามลูกศร เมื่อรับประทานยาครบ 28 เม็ดจนหมดแผงแล้ว ให้รับประทานยาแผงใหม่ต่อได้ทันที แม้ว่าประจำเดือนจะหมด หรือไม่ก็ตาม

      วิธีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีโปสเจสโตเจนอย่างเดียว

          ในสตรีหลังคลอด : เริ่มรับประทานยาเม็ดแรก ภายในสัปดาห์แรก หรืออย่างช้า ภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมา ก่อนรีบประทานทุกวันๆ ละ 1 เม็ดตรงเวลา รวมถึงในช่วงที่ประจำเดือนมาด้วย จนหมดแผง 28 เม็ด แล้วเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ในวันถัดไป (ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ ภายใน 48 ชั่วโมง หลังเริ่มต้นรับประทานยาเม็ดแรก แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย

          ในสตรีทั่วไป : เริ่มรับประทายยาเม็ดแรกในวันแรก ที่มีประจำเดือนมา รับประทานทุกวันๆ ละ 1 เม็ดตรงเวลา รวมถึงในช่วงที่ประจำเดือนด้วย จนครบ 28 เม็ด แล้วเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ ในวันถัดไป ไม่ว่าประจำเดือนจะหมดแผงหรือไม่ (ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ภายใน 48 ชั่วโมง หลังเริ่มต้นรับประทานยาเม็ดแรก แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย)

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
ทีมงาน Siamhealth .net ,
http://www.siamhealth.net/
บทความของ  รศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล

http://www.ladinaclub.com/upload/activities/thumbnail/mzsli3otab.jpg
http://www.geocities.com/lifer2lover/news_story02.jpg
http://www.zazana.com/picupload/images/228092.jpg
http://www.vcharkarn.com/uploads/74/74199.jpg

หมดหน้า 4

สร้างโดย: 
ครูจิราภรณ์ สุคันธวิภัติ

แวะมาอ่านครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

ลิงค์แล้วจ้ะ จะลองทำดูบ้างนะ ไม่รู้จะทำได้ดีเหมือนครูยุ่นหรือเปล่า

รูปภาพของ chi1new

ระดับครูน้อยแล้วต้องทำไดดีกว่าด้วยจ๊ะ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 351 คน กำลังออนไลน์