เนื้อหาสอบ O-NET
ความเข้มเสียงและระดับความเข้มเสียง
เสียงเกิดจากตัวก่อกำเนิดเสียงให้วัตถุสั่น พลังงานจากการสั่นจะถ่ายโอนต่อ ๆ กัน ผ่านอนุภาคของอากาศจนถึงผู้ฟัง ทำให้ได้ยินเสียง เสียงจะดังหรือค่อยขึ้นอยู่กับพลังงานที่ส่งมา
กำลังเสียง คือ อัตราการถ่ายโอนพลังงานเสียงของแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งเป็นปริมาณพลังงานเสียงที่ส่งออกจากแหล่งกำเนิดเสียงต่อ 1 หน่วยเวลา สัญลักษณ์ P หน่วยเป็น จูล/วินาที (J/s) หรือ วัตต์ (W)
ปกติจะบอกลักษณะของเสียงเป็น ความเข้มเสียง และระดับความเข้มเสียง ดังนี้
1 ความเข้มเสียง
ความเข้มเสียง (Sound intensity) คือ กำลังเสียงที่แหล่งกำเนิดเสียงส่งออกไปต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ของหน้าคลื่นทรงกลม สัญลักษณ์ I หน่วย วัตต์/ตารางเมตร (W/m2) ดังรูป
รูปความเข้มเสียงจากหน้าคลื่นทรงกลม
จากรูป ถ้า I เป็นความเข้มเสียง ณ ตำแหน่งบนหน้าคลื่นทรงกลม P เป็น กำลังเสียงหน่วยวัตต์/ตารางเมตร และ R เป็นระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนิดเสียง O กับตำแหน่งที่จะหาความเข้มเสียง หน่วยเป็น เมตร จะได้
ดังนั้นความเข้มเสียง ณ ตำแหน่งต่าง ๆ ที่อยู่ห่างออกไป จะมีค่าลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งเสียงที่มีความเข้มเสียงน้อยที่สุดที่หูมนุษย์ปกติสามารถได้ยินมีค่าเท่ากับ 10-12 วัตต์/ตารางเมตร และเสียงที่มี ความเข้มเสียงมากที่สุดที่หูมนุษย์ปกติสามารถทนฟังได้มีค่าเท่ากับ 1 วัตต์/ตารางเมตร
สรุปได้ว่า ความเข้มเสียง ณ ตำแหน่งใด เป็นปริมาณพลังงานเสียงที่ตกกระทบพื้นที่ 1 ตารางหน่วยใน 1 วินาที ณ ตำแหน่งนั้น โดยพื้นที่ดังกล่าวมีระนาบตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นเสียง
2. ระดับความเข้มเสียง ในทางปฏิบัติการคิดปริมาณพลังงานเสียงในรูปความเข้มเสียงจะไม่สะดวก เนื่องจากช่วงที่หูมนุษย์ได้ยินเสียงเบาที่สุดจนดังที่สุดกว้าง จึงนิยมคิดเป็นระดับความเข้มเสียง
ระดับความเข้มเสียง (Sound intensity level) คือ ปริมาณพลังงานเสียงที่บอกในรูปความดังเสียง สัญลักษณ์ L หรือ β หน่วย เดซิเบล (decibel = dB) โดยกำหนดระดับความเข้มเสียงที่เบาที่สุดที่หูมนุษย์ได้ยิน จนดังที่สุดที่หูทนฟังได้ตั้งแต่ 0 – 12 เบล (B) เมื่อ 1 เบล = 10 เดซิเบล
ดังนั้น 0 เบล = I0 = ระดับความเข้มเสียงที่เบาที่สุดที่หูมนุษย์ได้ยิน
และ 1 เบล = 10 I0 , 2 เบล = 102 I0 , …
หาความสัมพันธ์ของความเข้มเสียงที่ต้องการวัด (I) ความเข้มเสียงที่เบาที่สุดที่หูมนุษย์ได้ยิน (I0) และระดับความเข้มเสียง (β) หน่วยเดซิเบล ด้วยสมการดังนี้
กรณีแหล่งกำเนิดเสียงที่มีกำลังเสียง (P) เท่าเดิม เมื่อระยะห่าง (R) ต่างกัน ผลต่างระดับ ความเข้มเสียง (Δβ) จะเป็นดังนี้
β1 – β2 =
Δβ =
เยี่ยม!!มากเลยคะ
ได้ความรู้มากๆเลยครับ
อยากได้เนื้อหาเยอะๆ
สวัสดีครับ อาจารย์เก่งจังนะครับ
อาจารย์เก่งจังเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะค่ะ ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ
ช้าจัง เรียบเรียงเร็วๆๆๆ อยากจะดู
เพิ่มเนื้อหาให้แล้วนะครับ รออีกนิดนะครับกำลังจัดทำเพิ่ม