ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ยาศาสตร์ียนการสอนวิทยาศาสตร์
เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ผู้ศึกษา นางสุนีรัตน์ สุดสงค์หน่วยงาน โรงเรียนบางชัน(ปลื้มวิทยานุสรณ์) ปีที่พิมพ์ 2554 บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ 5) เพื่อศึกษาจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/6โรงเรียนบางชัน(ปลื้มวิทยานุสรณ์) สำนักงานเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 39 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) รูปแบบการศึกษาเป็นการศึกษาที่ยังไม่เข้าขั้นการทดลอง(Pre Experimental Design) ที่มีการทดสอบก่อนและทดสอบหลังการทดลอง (One group pretest-posttest design) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ จำนวน 15 แผน 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 4) แบบวัดวัดจิตวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าดัชนี – ประสิทธิผล มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ อนบบสืบเสาะหาความรู้ มีและการทดสอบที (t-test)ของนักเรียน ผลการศึกษา พบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ มีประสิทธิภาพ 83.03/82.37 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 75/75 2) แผนการจัดการเรียนรู้มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7502 คิดเป็นร้อยละ75.02 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้รูปและการเรียนการสอนแบบแบบสืบเสาะหาความรู้ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 (ค่า t = 35.76) 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( =4.07) เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน ทุกด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับ ดังนี้ ด้านคุณภาพของครูผู้สอน( =4.12) ด้านการปฏิบัติงาน ( =4.11) ด้านกระบวนการเรียนการสอน ( =4.08) ด้านเนื้อหา ( = 4.05) และด้านการวัดและประเมินผล ( = 3.97) 5) คุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนอยู่ในระดับมาก การประเมินโดยครูนั้น คุณลักษณะความสนใจใฝ่รู้ มีระดับพฤติกรรมการแสดงออกมากที่สุด การประเมินโดยเพื่อนความมีเหตุผล มีระดับพฤติกรรมการแสดงออกมากที่สุด และการประเมินโดยตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ และการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ มีระดับพฤติกรรมการแสดงออกมากที่สุด