ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านโคกอารักษ์ ตำบลกาเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ชื่อผู้ทำการวิจัย นายกริชชาติ วารสิทธิ์ ปีที่วิจัย พ.ศ.2552 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอลที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนโดยใช้แบบฝีกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา (พลศึกษา) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล 4) เพื่อศึกษาการใช้แบบทดสอบทักษะกีฬาแชร์บอล(ทดสอบปฏิบัติ) จำนวน 3 ชุด ได้แก่ แบบทดสอบการรับลูกแชร์บอลสองมือระดับหน้าอก แบบทดสอบการส่งลูกบอลกระทบฝาผนัง แบบทดสอบการยิงประตูแชร์บอล 5) เพื่อสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกอารักษ์ ในการเรียนโดยใช้แบบฝึกพื้นฐานกีฬาแชร์บอล ผู้วิจัยได้สร้างแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล จำนวน 15 แบบฝึก ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการสร้างความคุ้นเคยกับลูกแชร์บอล 1 แบบฝึกทักษะการสร้างความคุ้นเคยกับลูกแชร์บอล 2 แบบฝึกทักษะการทรงตัวและการเคลื่อนที่ แบบฝึกทักษะการรับลูกแชร์บอล 1 แบบฝึกทักษะการรับลูกแชร์บอล 2 แบบฝึกทักษะการส่งลูกแชร์ บอล 1 แบบฝึกทักษะการส่งลูกแชร์บอล 2 แบบฝึกทักษะการยิงประตูแชร์บอล แบบฝึกทักษะการหลอกล่อแชร์บอล แบบฝึกทักษะการเล่นเป็นผู้ถือตะกร้าแชร์บอล แบบฝึกทักษะการเล่นเป็นผู้ป้องกันตะกร้าแชร์บอล แบบฝึกการเล่นขณะเป็นฝ่ายรุก แบบฝึกการเล่นขณะเป็นฝ่ายรับ แบบฝึกพื้นฐานการเล่นทีม 1 แบบฝึกพื้นฐานการเล่นทีม 2 นำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ในการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์หรือค่า IOC ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติวิเคราะห์ประสิทธิภาพ สถิติเปรียบเทียบคะแนน T- test ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทั้ง 15 แบบฝึกที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 94.08 / 85.45 แสดงว่าแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอลกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80 / 80 2 )ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่า 0.7311 หรือร้อยละ 73.11 หรือ 73.11 % 4) ผลการทดสอบทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอลก่อนเรียน ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11.26 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.31 และค่าคะแนน ผลการทดสอบทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอลหลังเรียน ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 18.86 ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.51 แสดงว่านักเรียนมีผลการทดสอบหลังเรียนแตกต่างกันกว่าทดสอบก่อนเรียน และผลการทดสอบก่อนและหลังเรียน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 5) นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนแบบฝึกทักษะพื้นฐานกีฬาแชร์บอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 โดยรวมอยู่ในระดับมาก