ชื่อเรื่อง การพัฒนาการมีส่วนร่วมในการบริหาร และการจัดการศึกษาของคณะกรรมการ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนวัดสามัคคีธรรม สำนักงานเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานครชื่อผู้เขียน นายสมจริง ศรีทองปีที่ศึกษา 2552 บทคัดย่อ การมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาเป็นหลักการสำคัญที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดแนวทางสำหรับสถานศึกษาปฏิบัติ โรงเรียนวัดสามัคคีธรรม สมบูรณ์ยังมีปัญหาเรื่องการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในหลายด้าน ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ ผู้ศึกษาค้นคว้าจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการมีส่วนร่วมในการบริหาร และการจัดการศึกษา 4 งาน คือ การบริหารงานวิชาการ การบริหารงบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารทั่วไปของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนวัดสามัคคีธรรม สำนักงานเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการวิจัยปฏิบัติการ กลุ่มผู้ร่วม และกลุ่มผู้ศึกษาค้นคว้า รวม 28 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นคว้าประกอบด้วยผู้ศึกษาค้นคว้าและตัวแทนคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่สมัครใจให้ข้อมูล จำนวน 8 คน กลุ่มผู้ศึกษาค้นคว้า ตัวแทนผู้ให้ข้อมูลที่สมัครใจร่วมพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชนประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนวัดสามัคคีธรรม จำนวน 7 คน ครูปฏิบัติการสอนโรงเรียนวัดสามัคคีธรรม จำนวน 2 คน ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนวัดสามัคคีธรรม จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกการประชุม ตรวจสอบคุณภาพของข้อมูลด้วยการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation) วิเคราะห์การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีพรรณนาวิเคราะห์ ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏ ดังนี้ สภาพก่อนการดำเนินการพัฒนา บทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนวัดสามัคคีธรรม สำนักงานเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ให้ความสนใจและให้ความร่วมมือกับโรงเรียนอยู่ในระดับน้อย มีข้อจำกัดในเรื่องความรู้ความสามารถในทางวิชาการ เนื่องจากการศึกษาไม่ตรงกับด้านการเรียนการสอน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ขาดโอกาสในการพัฒนาตามบทบาทหน้าที่ ประกอบกับขาดความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ประกอบกับยังเคยชินกับการกระทำตามคำสั่งของหน่วยงานต้นสังกัดของโรงเรียน จึงขาดทักษะในการคิดริเริ่มพัฒนางาน คิดว่าเป็นภาระและหน้าที่ของโรงเรียนเท่านั้น ในการประชุมร่วมกับโรงเรียนแต่ละครั้ง ก็จะมาตามหนังสือเชิญและรับทราบข้อประชุมตามที่โรงเรียนนำเสนอ โดยไม่มีการแสดงความคิดเห็นด้วยข้อจำกัดดังกล่าวทำให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานต้องการพัฒนาตนเองมากขึ้น สภาพหลังการดำเนินการพัฒนา บทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของการเป็นคณะกรรมการ มีความตระหนัก เห็นความสำคัญ มีความสนใจและให้ความร่วมมือในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเป็นอย่างดี จำแนกรายด้าน ดังนี้1. การบริหารงานวิชาการ มีการร่วมกันวางแผนการจัดประเภทของภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนเพื่อการศึกษา โดยที่ประชุมได้มีมติร่วมกันจัดตักบาตรวันพระและทุกวันพฤหัสบดี สืบสานประเพณีในวันสำคัญต่าง ๆ และปลูกผักปลอดสารพิษ ฯลฯ2. การบริหารงานงบประมาณ มีการร่วมวางแผนบริหารงบประมาณให้มีความคล่องตัว และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน 3. การบริหารงานบุคคล คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ความร่วมมือในการประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลมากขึ้น 4. การบริหารทั่วไป มีการวางแผนระดมทรัพยากรร่วมกันเพื่อหาวิธีการจัดการหาเงิน และวัสดุครุภัณฑ์ ในรูปของผ้าป่าเพื่อการศึกษา จนได้รับบริจาคจากชุมชน วัด แม่ค้าที่มาจำหน่ายอาหารในโรงเรียน ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง องค์การบริหารส่วนตำบลและหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ร่วมสนับสนุนและเต็มใจร่วมบริจาค ในการนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ศึกษาค้นคว้า และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานได้ร่วมกันระดมทุนโดยการจัดหางบประมาณได้เป็นเงิน 200,000 บาท โดยมีการจัดทำสวนหย่อมเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียน ปรับปรุงโรงอาหาร จัดซื้อเครื่องเสียงหอกระจายข่าว การจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา เป็นต้น ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างถูกต้อง มีส่วนร่วม และโปร่งใส