บทคัดย่อของครูอรพินท์ เรืองเวชติวงษ์ ร.ร.เทศบาลวัดป้อมแก้วฯ สมุทรสงคราม
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการอ่านสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อสร้างความเข้า
และแรงจูงใจในการอ่านจับใจความชั้นประถมศึกษาปีที่6
ชื่อผู้รายงาน นาง
สถานที่ทำงาน โรงเรียนเทศบาลวัดป้อมแก้ว (อัครพงศ์ชนูปถัมภ์)
สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองสมุทรสงครามจังหวัดสมุทรสงคราม
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)พัฒนากิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2)เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านความเข้าใจในการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 ให้มีจำนวนนักเรียนร้อยละ 70 มีคะแนนความเข้าใจในการอ่านไม่น้อยกว่าร้อยละ80 3)เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการอ่านของนักเรียนโดยใช้กิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่ผู้รายงานสร้างขึ้น กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการรายงานเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดป้อมแก้ว (อัครพงศ์ชนูปถัมภ์)สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงครามที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 39 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรายงานแบ่งออกเป็น3 ประเภท คือ 1)เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติได้แก่ แบบบันทึกเหตุการณ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ แบบประเมินผลงานแบบสัมภาษณ์และแบบทดสอบท้ายวงจร 3)เครื่องที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ได้แก่แบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่านและแบบสอบถาม แรงจูงใจรูปแบบการรายงานเป็นการรายงานเชิงปฏิบัติการ มีวงจรปฏิบัติการรายงาน 4 วงจรสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยและเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการรายงานพบว่า
1.การพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการอ่านสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อสร้างความเข้าใจและแรงจูงใจในการอ่านเป็นการจัดกิจกรรมที่ได้นำเอาเทคนิคการสร้างแรงจูงใจในการอ่านมาใช้ในการจัดกิจกรรมผสมผสานกับกลวิธีอ่านหรือขั้นตอนการอ่านซึ่งขั้นตอนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านประกอบด้วย 1) ขั้นนำเป็นขั้นนำก่อนเริ่มต้นสู่การอ่าน เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียนให้เกิดความรู้สึกต้องการที่จะอ่าน พบว่า เทคนิคที่มีความเหมาะสม ได้แก่ แรงจูงใจการทบทวนประสบการณ์เดิม การตั้งคำถามทำนายเหตุการณ์ การสร้างให้นักเรียนเกิดความท้าทายเกิดความกระตือรือร้นและการแข่งขัน 2) ขั้นสอน พบว่าเป็นการปฏิบัติกิจกรรมที่แปลกใหม่ จากให้นักเรียนนั่งอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวมาเป็นการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจในการอ่านและส่งผลให้เกิดความเข้าใจในการอ่าน พบว่า เทคนิคที่มีความเหมาะสม ได้แก่การสร้างให้นักเรียนเกิดความท้าทาย เกิดความกระตือรือร้น ความคาดหวังในตนเองการตอบสนองทางสังคม โดยการแสดงความคิดเห็นภายในกลุ่ม สามารถสรุปองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองและเห็นความสำคัญของการอ่าน3) ขั้นสรุป เป็นขั้นตอนที่ใช้ประเมินผลการอ่านของนักเรียนประเมินผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและประเมินความเข้าใจในการอ่านของนักเรียน พบว่าเทคนิคที่มีความเหมาะสม ได้แก่ การสรุป อภิปราย การแข่งขันและผลการเรียน
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านความเข้าใจในการอ่านพบว่า นักเรียนร้อยละ 74.35 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม
3.ผลการประเมินแรงจูงใจในการอ่าน พบว่านักเรียนเกิดแรงจูงใจในการอ่านหลังจากร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่ผู้รายงานสร้างขึ้นดี