• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:fd047d27b4e46f27aec810e03b3421e8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/a3.jpg\" alt=\"การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม\" width=\"276\" height=\"81\" />\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86682\"><img src=\"/files/u40686/a3_1.jpg\" alt=\"ความหมายสิ่งแวดล้อม\" width=\"225\" height=\"67\" /></a>               <a href=\"/%20/node/86683\"><img src=\"/files/u40686/a3_2.jpg\" alt=\"มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม\" width=\"226\" height=\"61\" /></a>  \n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86684\"><img src=\"/files/u40686/a3_3.jpg\" alt=\"สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม\" width=\"224\" height=\"58\" /></a>             <a href=\"/node/86685\"><img src=\"/files/u40686/a3_4.jpg\" alt=\"ผลที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม\" width=\"229\" height=\"63\" /></a>  <a href=\"/node/84142\"><img src=\"/files/u40686/back.jpg\" alt=\"HOME\" width=\"95\" height=\"55\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/z5.gif\" width=\"350\" height=\"50\" /> \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>ปัญหาที่เกิดจากทรัพยากรป่าไม้</b>   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u>ทรัพยากรป่าไม้</u> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ  เพราะป่าไม้มีประโยชน์ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทั้งการเป็นแหล่งวัตถุดิบของปัจจัย สี่  คือ  อาหาร  เครื่องนุ่งห่ม  ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคสำหรับมนุษย์ และยังมีประโยชน์ในการรักษาสมดุล </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ของสิ่งแวดล้อม  ถ้าป่าไม้ถูกทำลายลงไปมาก ๆ  ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ  เช่น  สัตว์ป่า  ดิน  น้ำ  อากาศ  ฯลฯ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เมื่อป่าไม้ถูกทำลาย  จะส่งผลไปถึงดินและแหล่งน้ำด้วย  เพราะเมื่อเผาหรือถางป่าไปแล้ว  พื้นดินจะโล่งขาดพืชปกคลุม  เมื่อฝนตกลงมาก็จะชะล้างหน้า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินไป  นอกจากนั้นเมื่อขาดต้นไม้คอยดูดซับน้ำไว้น้ำก็จะไหลบ่าท่วมบ้านเรือน และที่ลุ่มในฤดูน้ำหลากพอถึงฤดูแล้งก็ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ไม่มีน้ำซึมใต้ดินไว้หล่อเลี้ยงต้นน้ำ ลำธารทำให้แม่น้ำมีน้ำน้อย  ส่งผลกระทบต่อมาถึงระบบเศรษฐกิจและสังคม  เช่น  การขาดแคลนน้ำในการ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ชลประทานทำ ให้ทำนาไม่ได้ผลขาดน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้า </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/b35.jpg\" width=\"197\" height=\"148\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<sub> http://gotoknow.org/file/prapiyatum/Forest.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u>ประเภทของป่าไม้ในประเทศไทย </u></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ประเภทของป่าไม้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการกระจายของฝน  ระยะเวลาที่ฝนตกรวมทั้งปริมาณน้ำฝนทำให้ป่าแต่ละแห่งมีความชุ่มชื้นต่างกัน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ก.  ป่าประเภทที่ไม่ผลัดใบ  (Evergreen) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ข.  ป่าประเภทที่ผลัดใบ (Deciduous) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u> ก. ป่าประเภทที่ไม่ผลัดใบ </u>(Evergreen)   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าประเภทนี้มองดูเขียวชะอุ่มตลอด ปี  เนื่องจากต้นไม้แทบทั้งหมดที่ขึ้นอยู่เป็นประเภทที่ไม่ผลัดใบ  ป่าชนิดสำคัญซึ่งจัดอยู่ในประเภท  นี้  ได้แก่ </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b36.jpg\" width=\"176\" height=\"116\" />\n</p>\n<p>\n<sub> http://www.weekendhobby.com/offroad/trip/picture%5C27254917550.jpg </sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>1.  ป่าดงดิบ</b> (Tropical Evergreen Forest or Rain Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าดงดิบที่มีอยู่ทั่วในทุกภาคของ ประเทศ แต่ที่มีมากที่สุด  ได้แก่  ภาคใต้และภาคตะวันออก  ในบริเวณนี้มีฝนตกมากและมีความชื้นมากในท้องที่ภาคอื่น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าดงดิบมักกระจายอยู่บริเวณที่มีความชุ่มชื้นมาก ๆ  เช่น  ตามหุบเขาริมแม่น้ำลำธาร  ห้วย  แหล่งน้ำ และบนภูเขา </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"> </span><img src=\"/files/u40686/b37.jpg\" width=\"173\" height=\"118\" /><span style=\"color: #008000\"> </span>\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.tropicalforest.or.th/images/33a.jpg </sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>2.  ป่าสนเขา</b> (Pine Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าสนเขามักปรากฎตามภูเขาสูงส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ซึ่งมีความสูงประมาณ 200-1800 เมตร  ขึ้นไปจากระดับน้ำทะเลในภาคเหนือ  ภาคกลาง และ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  บางทีอาจปรากฎในพื้นที่สูง 200-300 เมตร  จากระดับน้ำทะเลในภาคตะวันออกเฉียงใต้  ป่าสนเขามีลักษณะเป็นป่าโปร่ง </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b38.jpg\" width=\"168\" height=\"154\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.southwatch.org/images/Special/Healing/c1_dissapear.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>3.  ป่าชายเลน</b> (Mangrove Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">บางทีเรียกว่า &quot;ป่าเลนน้ำเค็ม”หรือป่าเลน มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นแต่ละชนิดมีรากค้ำยันและรากหายใจ  ป่าชนิดนี้ปรากฎอยู่ตามที่ดินเลนริมทะเลหรือบริเวณ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ปากน้ำแม่น้ำใหญ่ ๆ  ซึ่งมีน้ำเค็มท่วมถึงในพื้นที่ภาคใต้มีอยู่ตามชายฝั่งทะเลทั้งสองด้าน  ตามชายทะเลภาคตะวันออกมีอยู่ทุกจังหวัดแต่ที่มากที่สุดคือ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">บริเวณปากน้ำเวฬุ  อำเภอลุง  จังหวัดจันทบุรี </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b39.jpg\" width=\"186\" height=\"114\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4_clip_image007.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>4.  ป่าพรุหรือป่าบึงน้ำจืด</b> (Swamp Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าชนิดนี้มักปรากฎในบริเวณที่มีน้ำ จืดท่วมมาก ๆ  ดินระบายน้ำไม่ดีป่าพรุในภาคกลาง  มีลักษณะโปร่งและมีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่าง ๆ  ในภาคใต้ป่าพรุมีขึ้นอยู่ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ตามบริเวณที่มีน้ำขังตลอดปีดินป่าพรุ ที่มีเนื้อที่ มากที่สุดอยู่ในบริเวณจังหวัดนราธิวาสดินเป็นพีท  ซึ่งเป็นซากพืชผุสลายทับถมกัน  เป็นเวลานานป่าพรุ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แบ่งออกได้ 2 ลักษณะ คือ ตามบริเวณซึ่งเป็นพรุน้ำกร่อยใกล้ชายทะเลต้นเสม็ดจะขึ้นอยู่หนาแน่นพื้นที่ มีต้นกกชนิดต่าง ๆ เรียก &quot;ป่าพรุเสม็ด หรือ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าเสม็ด&quot;  อีกลักษณะเป็นป่าที่มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ  มากชนิดขึ้นปะปนกัน </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b40.jpg\" width=\"181\" height=\"136\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.showded.com/users/wawa/images/Travel/03_2008/KongKud/3.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>5.  ป่าชายหาด</b> (Beach Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เป็นป่าโปร่งไม่ผลัดใบขึ้นอยู่ตาม บริเวณหาดชายทะเล  น้ำไม่ท่วมตามฝั่งดินและชายเขาริมทะเล  ต้นไม้สำคัญที่ขึ้นอยู่ตามหาดชายทะเล  ต้องเป็น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">พืชทนเค็ม และมักมีลักษณะไม้เป็นพุ่มลักษณะต้นคดงอ  ใบหนาแข็ง</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/a3.jpg\" alt=\"การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม\" width=\"273\" height=\"80\" />\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86682\"><img src=\"/files/u40686/a3_1.jpg\" alt=\"ความหมายสิ่งแวดล้อม\" width=\"236\" height=\"66\" /></a>            <a href=\"/%20/node/86683\"><img src=\"/files/u40686/a3_2.jpg\" alt=\"มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม\" width=\"233\" height=\"61\" /></a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86684\"><img src=\"/files/u40686/a3_3.jpg\" alt=\"สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม\" width=\"228\" height=\"59\" /></a>            <img src=\"/files/u40686/a3_4.jpg\" alt=\"ผลที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม\" width=\"241\" height=\"63\" />     <a href=\"/node/84142\"><img src=\"/files/u40686/back.jpg\" alt=\"HOME\" width=\"95\" height=\"55\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/z5.gif\" width=\"350\" height=\"50\" /> \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u>ข. ป่าประเภทที่ผลัดใบ</u> (Declduous) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าประเภทนี้เป็นจำพวกผลัดใบแทบทั้งสิ้น  ในฤดูฝนป่าประเภทนี้จะมองดูเขียวชอุ่มพอถึงฤดูแล้งต้นไม้  ส่วนใหญ่จะพากันผลัดใบ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทำให้ป่ามองดูโปร่งขึ้น และมักจะเกิดไฟป่าเผาไหม้ใบไม้และต้นไม้เล็ก ๆ  ป่าชนิดสำคัญซึ่งอยู่ในประเภทนี้  ได้แก่ </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b41.jpg\" width=\"175\" height=\"119\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.ipst.ac.th/environment/forest2.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>1.  ป่าเบญจพรรณ</b> (Mixed Declduous Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าผลัดใบผสม หรือป่าเบญจพรรณมีลักษณะเป็นป่าโปร่งและยังมีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ  ขึ้นอยู่กระจัดกระจายทั่วไปพื้นที่ดินมักเป็นดินร่วนปนทราย </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าเบญจพรรณ  ในภาคเหนือมักจะมีไม้สักขึ้นปะปนอยู่ทั่วไปครอบคลุมลงมาถึงจังหวัด กาญจนบุรี  ในภาคกลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ภาคตะวันออก  มีป่าเบญจพรรณน้อยมากและกระจัดกระจาย </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b42.jpg\" width=\"184\" height=\"126\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.tropicalforest.or.th/images/49a.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>2.  ป่าเต็งรัง</b> (Declduous Dipterocarp Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">หรือที่เรียกกันว่าป่าแดง  ป่าแพะ  ป่าโคก  ลักษณะทั่วไปเป็นป่าโปร่ง  ตามพื้นป่ามักจะมีโจด  ต้นแปรง และหญ้าเพ็ก  พื้นที่แห้งแล้งดินร่วนปนทราย </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">หรือกรวด  ลูกรัง  พบอยู่ทั่วไปในที่ราบและที่ภูเขา  ในภาคเหนือส่วนมากขึ้นอยู่บนเขาที่มีดินตื้นและแห้งแล้งมากในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ  มีป่าแดง </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">หรือป่าเต็งรังนี้มากที่สุด </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b43.jpg\" width=\"203\" height=\"137\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4_clip_image014.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>3.  ป่าหญ้า</b> (Savannas Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าหญ้าที่อยู่ทุกภาคบริเวณป่าที่ถูก แผ้วถางทำลายบริเวณพื้นดินที่ขาดความ สมบูรณ์และถูกทอดทิ้ง  หญ้าชนิดต่าง ๆ  จึงเกิดขึ้นทดแทนและพอถึงหน้า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แล้งก็เกิดไฟไหม้ทำให้ต้นไม้บริเวณข้างเคียง ล้มตาย  พื้นที่ป่าหญ้าจึงขยายมากขึ้นทุกปี </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u><b>สาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ป่าไม้ในประเทศไทย</b> </u></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">1.  <b>การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ตัวการของปัญหานี้คือนายทุนพ่อค้า ไม้  เจ้าของโรงเลื่อย  เจ้าของโรงงานแปรรูปไม้  ผู้รับสัมปทานทำไม้และชาวบ้านทั่วไป  ซึ่งการตัดไม้เพื่อเอา </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ประโยชน์จากเนื้อไม้ทั้งวิธีที่ถูก และผิดกฎหมาย  ปริมาณป่าไม้ที่ถูกทำลายนี้นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ตามอัตราเพิ่มของจำนวนประชากร  ยิ่งมีประชากร </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เพิ่มขึ้นเท่าใด  ความต้องการในการใช้ไม้ก็เพิ่มมากขึ้น  เช่น  ใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้านเรือนเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตรกรรมเครื่อง เรือนและถ่านใน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">การหุงต้ม  เป็นต้น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">2.  <b>การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อเข้าครอบครองที่ดิน</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เมื่อประชากรเพิ่มสูงขึ้น  ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินก็อยู่สูง ขึ้น เป็นผลผลักดันให้ราษฎรเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าไม้   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แผ้วถางป่า หรือเผาป่าทำไร่เลื่อนลอย  นอกจากนี้ยังมีนายทุนที่ดินที่จ้างวานให้ราษฎรเข้าไปทำลายป่าเพื่อจับจอง ที่ดินไว้ขายต่อไป </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">3.  <b>การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เช่น  มันสำปะหลัง  ปอ  เป็นต้น  โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้ง ๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการเกษตร </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">4.  <b>การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า</b> กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลาย ๆ พื้นที่ทำให้ราษฎรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนา และไม่เจตนา  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทำให้เกิดการพิพาทในเรื่องที่ดินทำกินและที่ดินป่าไม้อยู่ตลอดเวลาและมัก เกิดการร้องเรียนต่อต้านในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">5.  <b>การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เช่น  เขื่อน  อ่างเก็บน้ำ  เส้นทางคมนาคม  การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูก ตัดโค่นมาใช้ประโยชน์   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้าย ออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมยืนต้นตาย  เช่น  การสร้างเขื่อนรัชชประภาเพื่อกั้นคลองพระแสงอันเป็นสาขาของแม่น้ำพุ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">มด วง-ตาปี  ทำให้น้ำท่วมบริเวณป่าดงดิบซึ่งมีพันธุ์ไม้หนาแน่นประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด นับแสนไร่  ต่อมาจึงเกิดปัญหาน้ำเน่าไหลลงลำน้ำพุมดวง </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">6.  <b>ไฟไหม้ป่า </b></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง  ซึ่งอากาศแห้งและร้อนจัด  ทั้งโดยธรรมชาติและจากการกระทำของมะม่วงที่อาจลักลอบเผาป่าหรือเผลอ   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">จุดไฟทิ้งไว้โดยเฉพาะในป่าไม้เป็นจำนวนมาก </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">7.<b>การทำเหมืองแร่</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปก คลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อนจึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลาย ลง  เส้นทางขนย้ายแร่ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ในบางครั้งต้องทำลายป่าไม้ลงเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้าง  ถนน หนทาง  การระเบิดหน้าดิน  เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ธาตุ  ส่งผลถึงการทำลายป่า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u><b>การอนุรักษ์ป่าไม้</b></u> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าไม้ถูกทำลายไปจำนวนมาก  จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศไปทั่วโลกรวมทั้งความสมดุลในแง่อื่น ด้วย  ดังนั้น  การฟื้นฟูสภาพป่าไม้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">จึงต้องดำเนินการเร่งด่วน  ทั้งภาครัฐภาคเอกชนและ   ประชาชน  ซึ่งมีแนวทางในการกำหนดแนวนโยบายด้านการจัดการป่าไม้  ดังนี้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">1.  นโยบายด้านการกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">2.  นโยบายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เกี่ยวกับงานป้องกันรักษาป่าการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสันทนาการ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">3.  นโยบายด้านการจัดการที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรผู้ยากไร้ในท้องถิ่น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">4.  นโยบายด้านการพัฒนาป่าไม้  เช่น  การทำไม้และการเก็บหาของป่า  การปลูก และการบำรุงป่าไม้  การค้นคว้าวิจัย และด้านการอุตสาหกรรม </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">5.  นโยบายการบริหารทั่วไปจากนโยบายดังกล่าวข้างต้นเป็นแนวทางในการพัฒนาและการ จัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้ได้รับผลประโยชน์ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทั้งทางด้านการอนุรักษ์และด้านเศรษฐกิจอย่างผสม ผสาน                    </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>แหล่งอ้างอิง</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4.html </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/nakhonsithamrat/arunee_w/cheevit/sec05p05.html </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=110&amp;id=4694 </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86685\"><img src=\"/files/u40686/b24.jpg\" alt=\"ย้อนกลับ\" width=\"156\" height=\"115\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/z5.gif\" width=\"350\" height=\"50\" />\n</p>\n', created = 1727821019, expire = 1727907419, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:fd047d27b4e46f27aec810e03b3421e8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:8cfa8b54486fb0c71800a61c92428c27' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/a3.jpg\" alt=\"การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม\" width=\"273\" height=\"80\" />\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86682\"><img src=\"/files/u40686/a3_1.jpg\" alt=\"ความหมายสิ่งแวดล้อม\" width=\"236\" height=\"66\" /></a>            <a href=\"/%20/node/86683\"><img src=\"/files/u40686/a3_2.jpg\" alt=\"มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม\" width=\"233\" height=\"61\" /></a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86684\"><img src=\"/files/u40686/a3_3.jpg\" alt=\"สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม\" width=\"228\" height=\"59\" /></a>            <img src=\"/files/u40686/a3_4.jpg\" alt=\"ผลที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม\" width=\"241\" height=\"63\" />     <a href=\"/node/84142\"><img src=\"/files/u40686/back.jpg\" alt=\"HOME\" width=\"95\" height=\"55\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/z5.gif\" width=\"350\" height=\"50\" /> \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u>ข. ป่าประเภทที่ผลัดใบ</u> (Declduous) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าประเภทนี้เป็นจำพวกผลัดใบแทบทั้งสิ้น  ในฤดูฝนป่าประเภทนี้จะมองดูเขียวชอุ่มพอถึงฤดูแล้งต้นไม้  ส่วนใหญ่จะพากันผลัดใบ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทำให้ป่ามองดูโปร่งขึ้น และมักจะเกิดไฟป่าเผาไหม้ใบไม้และต้นไม้เล็ก ๆ  ป่าชนิดสำคัญซึ่งอยู่ในประเภทนี้  ได้แก่ </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b41.jpg\" width=\"175\" height=\"119\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.ipst.ac.th/environment/forest2.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>1.  ป่าเบญจพรรณ</b> (Mixed Declduous Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าผลัดใบผสม หรือป่าเบญจพรรณมีลักษณะเป็นป่าโปร่งและยังมีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ  ขึ้นอยู่กระจัดกระจายทั่วไปพื้นที่ดินมักเป็นดินร่วนปนทราย </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าเบญจพรรณ  ในภาคเหนือมักจะมีไม้สักขึ้นปะปนอยู่ทั่วไปครอบคลุมลงมาถึงจังหวัด กาญจนบุรี  ในภาคกลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ภาคตะวันออก  มีป่าเบญจพรรณน้อยมากและกระจัดกระจาย </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b42.jpg\" width=\"184\" height=\"126\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://www.tropicalforest.or.th/images/49a.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>2.  ป่าเต็งรัง</b> (Declduous Dipterocarp Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">หรือที่เรียกกันว่าป่าแดง  ป่าแพะ  ป่าโคก  ลักษณะทั่วไปเป็นป่าโปร่ง  ตามพื้นป่ามักจะมีโจด  ต้นแปรง และหญ้าเพ็ก  พื้นที่แห้งแล้งดินร่วนปนทราย </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">หรือกรวด  ลูกรัง  พบอยู่ทั่วไปในที่ราบและที่ภูเขา  ในภาคเหนือส่วนมากขึ้นอยู่บนเขาที่มีดินตื้นและแห้งแล้งมากในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ  มีป่าแดง </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">หรือป่าเต็งรังนี้มากที่สุด </span>\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u40686/b43.jpg\" width=\"203\" height=\"137\" />\n</p>\n<p>\n<sub>http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4_clip_image014.jpg</sub>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>3.  ป่าหญ้า</b> (Savannas Forest) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าหญ้าที่อยู่ทุกภาคบริเวณป่าที่ถูก แผ้วถางทำลายบริเวณพื้นดินที่ขาดความ สมบูรณ์และถูกทอดทิ้ง  หญ้าชนิดต่าง ๆ  จึงเกิดขึ้นทดแทนและพอถึงหน้า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แล้งก็เกิดไฟไหม้ทำให้ต้นไม้บริเวณข้างเคียง ล้มตาย  พื้นที่ป่าหญ้าจึงขยายมากขึ้นทุกปี </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u><b>สาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ป่าไม้ในประเทศไทย</b> </u></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">1.  <b>การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ตัวการของปัญหานี้คือนายทุนพ่อค้า ไม้  เจ้าของโรงเลื่อย  เจ้าของโรงงานแปรรูปไม้  ผู้รับสัมปทานทำไม้และชาวบ้านทั่วไป  ซึ่งการตัดไม้เพื่อเอา </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ประโยชน์จากเนื้อไม้ทั้งวิธีที่ถูก และผิดกฎหมาย  ปริมาณป่าไม้ที่ถูกทำลายนี้นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ตามอัตราเพิ่มของจำนวนประชากร  ยิ่งมีประชากร </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เพิ่มขึ้นเท่าใด  ความต้องการในการใช้ไม้ก็เพิ่มมากขึ้น  เช่น  ใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้านเรือนเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตรกรรมเครื่อง เรือนและถ่านใน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">การหุงต้ม  เป็นต้น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">2.  <b>การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อเข้าครอบครองที่ดิน</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เมื่อประชากรเพิ่มสูงขึ้น  ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินก็อยู่สูง ขึ้น เป็นผลผลักดันให้ราษฎรเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าไม้   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แผ้วถางป่า หรือเผาป่าทำไร่เลื่อนลอย  นอกจากนี้ยังมีนายทุนที่ดินที่จ้างวานให้ราษฎรเข้าไปทำลายป่าเพื่อจับจอง ที่ดินไว้ขายต่อไป </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">3.  <b>การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เช่น  มันสำปะหลัง  ปอ  เป็นต้น  โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้ง ๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการเกษตร </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">4.  <b>การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า</b> กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลาย ๆ พื้นที่ทำให้ราษฎรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนา และไม่เจตนา  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทำให้เกิดการพิพาทในเรื่องที่ดินทำกินและที่ดินป่าไม้อยู่ตลอดเวลาและมัก เกิดการร้องเรียนต่อต้านในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">5.  <b>การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">เช่น  เขื่อน  อ่างเก็บน้ำ  เส้นทางคมนาคม  การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูก ตัดโค่นมาใช้ประโยชน์   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้าย ออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมยืนต้นตาย  เช่น  การสร้างเขื่อนรัชชประภาเพื่อกั้นคลองพระแสงอันเป็นสาขาของแม่น้ำพุ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">มด วง-ตาปี  ทำให้น้ำท่วมบริเวณป่าดงดิบซึ่งมีพันธุ์ไม้หนาแน่นประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด นับแสนไร่  ต่อมาจึงเกิดปัญหาน้ำเน่าไหลลงลำน้ำพุมดวง </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">6.  <b>ไฟไหม้ป่า </b></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง  ซึ่งอากาศแห้งและร้อนจัด  ทั้งโดยธรรมชาติและจากการกระทำของมะม่วงที่อาจลักลอบเผาป่าหรือเผลอ   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">จุดไฟทิ้งไว้โดยเฉพาะในป่าไม้เป็นจำนวนมาก </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">7.<b>การทำเหมืองแร่</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปก คลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อนจึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลาย ลง  เส้นทางขนย้ายแร่ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ในบางครั้งต้องทำลายป่าไม้ลงเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้าง  ถนน หนทาง  การระเบิดหน้าดิน  เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ธาตุ  ส่งผลถึงการทำลายป่า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><u><b>การอนุรักษ์ป่าไม้</b></u> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ป่าไม้ถูกทำลายไปจำนวนมาก  จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศไปทั่วโลกรวมทั้งความสมดุลในแง่อื่น ด้วย  ดังนั้น  การฟื้นฟูสภาพป่าไม้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">จึงต้องดำเนินการเร่งด่วน  ทั้งภาครัฐภาคเอกชนและ   ประชาชน  ซึ่งมีแนวทางในการกำหนดแนวนโยบายด้านการจัดการป่าไม้  ดังนี้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">1.  นโยบายด้านการกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">2.  นโยบายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เกี่ยวกับงานป้องกันรักษาป่าการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสันทนาการ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">3.  นโยบายด้านการจัดการที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรผู้ยากไร้ในท้องถิ่น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">4.  นโยบายด้านการพัฒนาป่าไม้  เช่น  การทำไม้และการเก็บหาของป่า  การปลูก และการบำรุงป่าไม้  การค้นคว้าวิจัย และด้านการอุตสาหกรรม </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">5.  นโยบายการบริหารทั่วไปจากนโยบายดังกล่าวข้างต้นเป็นแนวทางในการพัฒนาและการ จัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้ได้รับผลประโยชน์ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">ทั้งทางด้านการอนุรักษ์และด้านเศรษฐกิจอย่างผสม ผสาน                    </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><b>แหล่งอ้างอิง</b> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4.html </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/nakhonsithamrat/arunee_w/cheevit/sec05p05.html </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=110&amp;id=4694 </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/86685\"><img src=\"/files/u40686/b24.jpg\" alt=\"ย้อนกลับ\" width=\"156\" height=\"115\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u40686/z5.gif\" width=\"350\" height=\"50\" />\n</p>\n', created = 1727821019, expire = 1727907419, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:8cfa8b54486fb0c71800a61c92428c27' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ปัญหาที่เกิดจากทรัพยากรป่าไม้

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ความหมายสิ่งแวดล้อม            มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม

สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม            ผลที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม     HOME

 

ข. ป่าประเภทที่ผลัดใบ (Declduous)

ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าประเภทนี้เป็นจำพวกผลัดใบแทบทั้งสิ้น  ในฤดูฝนป่าประเภทนี้จะมองดูเขียวชอุ่มพอถึงฤดูแล้งต้นไม้  ส่วนใหญ่จะพากันผลัดใบ

ทำให้ป่ามองดูโปร่งขึ้น และมักจะเกิดไฟป่าเผาไหม้ใบไม้และต้นไม้เล็ก ๆ  ป่าชนิดสำคัญซึ่งอยู่ในประเภทนี้  ได้แก่

http://www.ipst.ac.th/environment/forest2.jpg

1.  ป่าเบญจพรรณ (Mixed Declduous Forest)

ป่าผลัดใบผสม หรือป่าเบญจพรรณมีลักษณะเป็นป่าโปร่งและยังมีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ  ขึ้นอยู่กระจัดกระจายทั่วไปพื้นที่ดินมักเป็นดินร่วนปนทราย

ป่าเบญจพรรณ  ในภาคเหนือมักจะมีไม้สักขึ้นปะปนอยู่ทั่วไปครอบคลุมลงมาถึงจังหวัด กาญจนบุรี  ในภาคกลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ

ภาคตะวันออก  มีป่าเบญจพรรณน้อยมากและกระจัดกระจาย

http://www.tropicalforest.or.th/images/49a.jpg

2.  ป่าเต็งรัง (Declduous Dipterocarp Forest)

หรือที่เรียกกันว่าป่าแดง  ป่าแพะ  ป่าโคก  ลักษณะทั่วไปเป็นป่าโปร่ง  ตามพื้นป่ามักจะมีโจด  ต้นแปรง และหญ้าเพ็ก  พื้นที่แห้งแล้งดินร่วนปนทราย

หรือกรวด  ลูกรัง  พบอยู่ทั่วไปในที่ราบและที่ภูเขา  ในภาคเหนือส่วนมากขึ้นอยู่บนเขาที่มีดินตื้นและแห้งแล้งมากในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ  มีป่าแดง

หรือป่าเต็งรังนี้มากที่สุด

http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4_clip_image014.jpg

3.  ป่าหญ้า (Savannas Forest)

ป่าหญ้าที่อยู่ทุกภาคบริเวณป่าที่ถูก แผ้วถางทำลายบริเวณพื้นดินที่ขาดความ สมบูรณ์และถูกทอดทิ้ง  หญ้าชนิดต่าง ๆ  จึงเกิดขึ้นทดแทนและพอถึงหน้า

แล้งก็เกิดไฟไหม้ทำให้ต้นไม้บริเวณข้างเคียง ล้มตาย  พื้นที่ป่าหญ้าจึงขยายมากขึ้นทุกปี

 

สาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ป่าไม้ในประเทศไทย

1.  การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า

ตัวการของปัญหานี้คือนายทุนพ่อค้า ไม้  เจ้าของโรงเลื่อย  เจ้าของโรงงานแปรรูปไม้  ผู้รับสัมปทานทำไม้และชาวบ้านทั่วไป  ซึ่งการตัดไม้เพื่อเอา

ประโยชน์จากเนื้อไม้ทั้งวิธีที่ถูก และผิดกฎหมาย  ปริมาณป่าไม้ที่ถูกทำลายนี้นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ตามอัตราเพิ่มของจำนวนประชากร  ยิ่งมีประชากร

เพิ่มขึ้นเท่าใด  ความต้องการในการใช้ไม้ก็เพิ่มมากขึ้น  เช่น  ใช้ไม้ในการปลูกสร้างบ้านเรือนเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตรกรรมเครื่อง เรือนและถ่านใน

การหุงต้ม  เป็นต้น

2.  การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อเข้าครอบครองที่ดิน

เมื่อประชากรเพิ่มสูงขึ้น  ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินก็อยู่สูง ขึ้น เป็นผลผลักดันให้ราษฎรเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าไม้  

แผ้วถางป่า หรือเผาป่าทำไร่เลื่อนลอย  นอกจากนี้ยังมีนายทุนที่ดินที่จ้างวานให้ราษฎรเข้าไปทำลายป่าเพื่อจับจอง ที่ดินไว้ขายต่อไป

3.  การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก

เช่น  มันสำปะหลัง  ปอ  เป็นต้น  โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้ง ๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการเกษตร

4.  การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลาย ๆ พื้นที่ทำให้ราษฎรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนา และไม่เจตนา 

ทำให้เกิดการพิพาทในเรื่องที่ดินทำกินและที่ดินป่าไม้อยู่ตลอดเวลาและมัก เกิดการร้องเรียนต่อต้านในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน

5.  การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ

เช่น  เขื่อน  อ่างเก็บน้ำ  เส้นทางคมนาคม  การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูก ตัดโค่นมาใช้ประโยชน์  

ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้าย ออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมยืนต้นตาย  เช่น  การสร้างเขื่อนรัชชประภาเพื่อกั้นคลองพระแสงอันเป็นสาขาของแม่น้ำพุ

มด วง-ตาปี  ทำให้น้ำท่วมบริเวณป่าดงดิบซึ่งมีพันธุ์ไม้หนาแน่นประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด นับแสนไร่  ต่อมาจึงเกิดปัญหาน้ำเน่าไหลลงลำน้ำพุมดวง

6.  ไฟไหม้ป่า

มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง  ซึ่งอากาศแห้งและร้อนจัด  ทั้งโดยธรรมชาติและจากการกระทำของมะม่วงที่อาจลักลอบเผาป่าหรือเผลอ  

จุดไฟทิ้งไว้โดยเฉพาะในป่าไม้เป็นจำนวนมาก

7.การทำเหมืองแร่

แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปก คลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อนจึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลาย ลง  เส้นทางขนย้ายแร่

ในบางครั้งต้องทำลายป่าไม้ลงเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้าง  ถนน หนทาง  การระเบิดหน้าดิน  เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ธาตุ  ส่งผลถึงการทำลายป่า

การอนุรักษ์ป่าไม้

ป่าไม้ถูกทำลายไปจำนวนมาก  จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศไปทั่วโลกรวมทั้งความสมดุลในแง่อื่น ด้วย  ดังนั้น  การฟื้นฟูสภาพป่าไม้

จึงต้องดำเนินการเร่งด่วน  ทั้งภาครัฐภาคเอกชนและ   ประชาชน  ซึ่งมีแนวทางในการกำหนดแนวนโยบายด้านการจัดการป่าไม้  ดังนี้

1.  นโยบายด้านการกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้

2.  นโยบายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เกี่ยวกับงานป้องกันรักษาป่าการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสันทนาการ

3.  นโยบายด้านการจัดการที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรผู้ยากไร้ในท้องถิ่น

4.  นโยบายด้านการพัฒนาป่าไม้  เช่น  การทำไม้และการเก็บหาของป่า  การปลูก และการบำรุงป่าไม้  การค้นคว้าวิจัย และด้านการอุตสาหกรรม

5.  นโยบายการบริหารทั่วไปจากนโยบายดังกล่าวข้างต้นเป็นแนวทางในการพัฒนาและการ จัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้ได้รับผลประโยชน์

ทั้งทางด้านการอนุรักษ์และด้านเศรษฐกิจอย่างผสม ผสาน                   

 

แหล่งอ้างอิง

http://202.28.94.60/webcontest/2551/g36/main4.html

http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/nakhonsithamrat/arunee_w/cheevit/sec05p05.html

http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=110&id=4694

 

ย้อนกลับ

สร้างโดย: 
ครูพรรณนภา กำบัง,น.ส.สิรีธร หมั่นสุข

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 381 คน กำลังออนไลน์