• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('หลักการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า', 'node/93455', '', '3.138.116.50', 0, '071f7688d890c05ba23efa50cf8ca319', 234, 1716130938) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:9430676bb8dce9008715db7b19f34b6a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<span style=\"color: #ffffff\">.</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">.</span>\n</p>\n<div align=\"center\">\n<div align=\"center\">\n<a href=\"/node/82620\"><img height=\"152\" width=\"304\" src=\"http://upic.me/i/er/untitled-4copy.jpg\" /></a>\n</div>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\">. </span><a href=\"/node/66748\"><span style=\"color: #ffffff\"></span></a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<a href=\"/node/82621\"><span style=\"color: #ffffff\"></span><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a11_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82622\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a12_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82623\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"http://upic.me/i/so/a20_3.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82624\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a13_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82625\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a16_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82626\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/Untitled-1_0.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82630\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a14_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82627\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a20_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82628\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"/files/u30559/a19_2.jpg\" /></a> <a href=\"/node/82629\"><img height=\"30\" width=\"170\" src=\"http://upic.me/i/fe/a20_4.jpg\" /></a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"><span style=\"color: #ffffff\">.</span> </span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"><span style=\"color: #ffffff\">.</span> </span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"><span style=\"color: #ffffff\">. </span></span>\n</div>\n<div>\n<span style=\"color: #ffffff\"><span style=\"color: #ffffff\">\n<div>\n<span style=\"color: #ffffff\"><span style=\"color: #ffffff\">\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"><span style=\"color: #ffffff\">. </span></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"350\" width=\"730\" src=\"http://www.ilovetogo.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/Korea/ThingToDo/KimchiLand01.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 439px; height: 282px\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n<a href=\"http://www.ilovetogo.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/Korea/ThingToDo/KimchiLand01.jpg\">http://www.ilovetogo.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/Korea/ThingToDo/KimchiLand01.jpg</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\">. </span>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\n<b><span style=\"color: #993300\"><span style=\"color: orange\"><span style=\"line-height: 100%; font-size: 14pt\">김지 กิมจิ</span></span></span></b>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><span style=\"color: #808000\"><b>จุดเริ่มต้นของกิมจิ</b></span><br />\n<span style=\"color: #000000\">เป็นที่เชื่อกันว่าการทำกิมจิเป็นการดองผักที่ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 7 ในยุคนั้นช่วงฤดูหนาวในประเทศเกาหลี จะมีอากาศหนาวจัดไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ชาวเกาหลีจึงคิดวิธีการถนอมอาหารขึ้น เพื่อมาทดแทนผักสดที่หาได้ยาก หนึ่งในนั้นคือการทำผักดองเค็มด้วยเกลือหมักในไหแล้วนำไปฝังดิน จึงเป็นจุดกำเนิดของกิมจิในยุคสมัยต่อมา</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><span style=\"color: #808000\"><b>กิมจิในสมัยอาณาจักรโคเรียว</b></span><br />\n<span style=\"color: #000000\">มีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับกิมจิจากตำรายารักษาโรคทางภาคตะวันออกของประเทศ ที่เรียกว่า &quot;ฮันยักกูกึบบัง&quot; (Hanyakgugeupbang) ในตำรากล่าวถึงกิมจิอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกคือหัวผักกาดฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลืองเรียกว่า &quot;กิมจิ-จางอาจิ&quot; (Kimchi-jangajji) ชนิดที่สองใช้หัวไชโป๊เรียกว่า &quot;ซุมมู โซกึมชอลรี&quot; (Summu Sogeumjeori) เป็นที่เชื่อกันว่าได้มีการปรับปรุงรสชาติของกิมจิให้จัดจ้านขึ้น อีกทั้งเริ่มได้รับความนิยมว่าเป็นอาหารแปรรูปจึงเริ่มมีการทำกิมจิตลอดทั้ง ปีโดยไม่กำจัดเฉพาะช่วงฤดูหนาวเหมือนก่อน ทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรโคเรียวนี้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><span style=\"color: #808000\"><b>กิมจิในสมัยโชซอน</b></span><br />\n<span style=\"color: #000000\">เล่ากันว่ากิมจิที่มีในสมัยโชซอน ชาวบ้านจะใช้ผักใบเขียวมาดองกับเกลือหรือเกลือกับเหล้าเท่านั้นซึ่งเรียกว่า รสดั้งเดิม ในเวลาต่อมาช่วงต้นศตวรรษที่ 17 (หลังจากที่ถูกญี่ปุ่นรุกรานในปี พ.ศ. 2135) จึงเริ่มมีการนำเข้าผักจากต่างประเทศ ส่วนพริกแดงจากญี่ปุ่นนำเข้ามาโดยพ่อค้าชาวโปรตุเกส พริกจึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งในกิมจิหลังจากผ่านไปแล้ว 200 ปี ดั้งนั้นราวปลายสมัยราชวงศ์โชซอนสีของกิมจิจึงกลายเป็นสีแดง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ภายในราชสำนักโชซอนมีการทำกิมจิเพื่อใช้ถวายต่อกษัตริย์ใน ราชวงศ์โชซอนมีอยู่ด้วยกันสามชนิดได้แก่ &quot;ชอทกุกจิ&quot; (Jeotgukji) เป็นกิมจิที่ทำจากกะหล่ำปลีผสมกับปลาหมัก (ปลาหมักจะใช้เฉพาะคนชั้นสูงในสมัยนั้น) &quot;คักดูกิ&quot; (kkakdugi) เป็นกิมจิทำจากหัวผักกาด ส่วนชนิดสุดท้ายคือ &quot;โชซอน มูซางซานชิก โยรีเจบ็อบ&quot; (Joseon massangsansik yorijebeop) เป็นกิมจิน้ำตำราอาหารของราชสำนักโชซอน โดยมีเรื่องเล่ากันว่ามีการทำกิมจิน้ำโดยมีลูกแพร์เป็นส่วนผสมใช้ทำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นโดยเฉพาะ เพื่อทำถวายกษัตริย์โกชอง (Gojong) กษัตริย์องค์รองสุดท้ายของโชซอน เพราะพระองค์ทรงโปรดก๋วยเตี๋ยวเย็นผสมในกิมจิน้ำพร้อมด้วยน้ำซุปเนื้อ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><span style=\"color: #808000\"><b>กิมจิในยุคปัจจุบัน</b></span><br />\n<span style=\"color: #000000\">กิมจิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกาหลีดังนั้นเวลามีการเดินทางในต่าง แดนก็ไม่ลืมที่จะพกกิมจิติดตัวไปด้วย กิมจิจึงได้เริ่มแพร่หลายในวงกว้างโดยช่วงแรกเริ่มเข้าไปในประเทศใกล้เคียง ก่อนคือประเทศจีน รัสเซีย เกาะฮาวาย และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นชาติแรกที่นำกิมจิเป็นเครื่องเคียงในอาหารของชาติตนเองโดย เรียกกิมจิของตนเองว่า คิมุชิ (Kimuchi) เพื่อให้เข้ากับการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่น และกิมจิชนิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติให้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ต่อมากิมจิจึงเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวต่างชาติในหลายประเทศ เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และไทย</span> \n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"338\" width=\"450\" src=\"http://www.gingingin.com/upload/1-kr-food/kimbub.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n<a href=\"http://www.gingingin.com/upload/1-kr-food/kimbub.jpg\">http://www.gingingin.com/upload/1-kr-food/kimbub.jpg</a>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><span style=\"color: #ff00ff\"><b>김밥 (คิมบับ)</b></span> - <span style=\"color: #000000\">ข้าวห่อสาหร่าย ตอนแรกจะเป็นแท่งยาวๆ แล้วเค้าก็จะหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ จิ้มกะโชยุญี่ปุ่นหรือวาซาบิก็ได้ ตามร้านอาหารก็จะมีทำเป็นพิเศษหน่อย คือมีผัดซอสมาให้จิ้มราดด้วย แล้วแต่ร้านทำ</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"332\" width=\"420\" src=\"http://img.photobucket.com/albums/v212/lowercaser/kenblog/bibimbap.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n<a href=\"http://img.photobucket.com/albums/v212/lowercaser/kenblog/bibimbap.jpg\">http://img.photobucket.com/albums/v212/lowercaser/kenblog/bibimbap.jpg</a>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><b><span style=\"color: #ff00ff\">냉면 (แนง-มยอน)</span></b> - <span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #000000\">บะหมี่เย็น ก็คือบะหมี่ที่อยู่ในน้ำซุปเย็น (พูดให้มันได้อะไรเนี่ย - -.) บางที่มีใส่น้ำแข็งด้วยอ่ะ เห็นเค้าบอกคนเกาหลีชอบกินตอนหน้าหนาว ประมาณว่ายึดหลักแบบหยินหยางมั้ง อากาศเย็น กินเย็น</span> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\"><br />\n.</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\"></span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"393\" width=\"500\" src=\"http://pirun.ku.ac.th/~b5001030/picc15.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<div align=\"center\">\n<a href=\"http://pirun.ku.ac.th/~b5001030/picc15.jpg\">http://pirun.ku.ac.th/~b5001030/picc15.jpg</a>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><b><span style=\"color: #ff00ff\">떡복이- ต๊อกโพกี</span></b> <span style=\"color: #000000\">เป็นอาหารที่ทำมาจากแป้งข้าว ซึ่งมีประวัติที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลีเชียว สมัยนั้น อาหารเป็นเรื่องใหญ่ (กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องนี่นา) เพื่อเป็นการถนอมอาหารและง่ายต่อการรับประทานแล้วยังให้พลังงานสูงอีกด้วย ด้วยรสชาติ และความทรงจำครั้งสมัยนั้น ไม่ว่าจะเมนูไหน ชาวเกาหลีจึงมักจะใส่ต๊อกโพกีลงไปด้วย จึงทำให้ ต๊อกโพกีอยู่คู่เกาหลีมาจนถึงทุกวันนี้<br />\nส่วนประกอบ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">.</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\"></span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"320\" width=\"480\" src=\"http://www.jpopkpop-music.com/travel/wp-content/uploads/2009/02/003_4.jpg\" />\n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.jpopkpop-music.com/travel/wp-content/uploads/2009/02/003_4.jpg\">http://www.jpopkpop-music.com/travel/wp-content/uploads/2009/02/003_4.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><b><span style=\"color: #ff00ff\">삼계탕 (ซัมกเยทัง)</span></b> <span style=\"color: #000000\">เป็นอาหารที่คนเกาหลีนิยมทานกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อบำรุงสุขภาพ และชูกำลัง โดยไก่สดมายัดไส้ด้วย โสมเกาหลี ข้าวเหนียวนึ่งสุก และเครื่องเทศต่างๆ โสมพุทราจีน กระเทียม ต้นหอม ยัดเข้าไปในตัวไก่แล้วตุ๋นกับน้ำซุปจนเนื้อไก่เปื่อยยุ่ยได้ที่ เสิร์ฟมาร้อนๆ ซดน้ำซุปรสออกจืดๆ น้ำต้มไก่ แต่จะมีเครื่องปรุงคือเกลือ พริกไทย และงาขาว ไว้ให้โรยเพิ่มรสชาติความเค็มไม่ให้จืดจนเกินไป</span> \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">.</span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"433\" width=\"650\" src=\"http://2.bp.blogspot.com/_wcEKzc3cZdI/SxDApaiyI-I/AAAAAAAAADs/MVpWA-479p4/s1600/2.jpg\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://www.jpopkpop-music.com/travel/wp-content/uploads/2009/02/003_4.jpg\">http://2.bp.blogspot.com/_wcEKzc3cZdI/SxDApaiyI-I/AAAAAAAAADs/MVpWA-479p4/s1600/2.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><span style=\"color: #ff00ff\"><b>불고기 (พุลโกกี)</b></span> <span style=\"color: #000000\">เนื้อย่างเกาหลีอันเลื่องชื่อนั่นเอง คนที่ไปกินมาแล้ว การันตีทุกคนว่าเหนือชั้นกว่าหมูกระทะที่เมืองไทย เพราะจะเป็นเนื้อที่หมักอย่างดี และหอมหวานชวนน้ำลายสอ ถ้าไปกินหลายๆคน ต้องเกิดเหตุการณ์เอาตะเกียบตบกันแย่งเนื้อ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #ffffff\">.</span> </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img height=\"666\" width=\"500\" src=\"http://itviewpoint.com/files/attach/images/129/6131/kum.jpg\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://itviewpoint.com/files/attach/images/129/6131/kum.jpg\">http://itviewpoint.com/files/attach/images/129/6131/kum.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">............</span><b><span style=\"color: #ff00ff\">자장면 (ชาจังมยอน)</span></b> <span style=\"color: #000000\">บะหมี่ดำ ที่อาจจะเห็นในหนังบ่อยๆ เวลากินแล้วจะเลอะปากไปหมด ดูแล้วหมดกัน ผู้หญิงมีหนวด!? ต้องเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้อย่าให้ขาดมือเชียว เดี๋ยวหนุ่มๆจะเบือนหน้าหนี อิอิ แต่รับรองว่าอร่อย แล้วก็ยังไว้กินย้อมใจช่วงขาดคู่ด้วย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ffffff\">.</span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"http://c.ask.nate.com/imgs/qrsi.tsp/8850511/11801115/0/1/A/%EB%B6%95%EC%96%B4%EB%B9%B5.jpg\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"http://itviewpoint.com/files/attach/images/129/6131/kum.jpg\">http://c.ask.nate.com/imgs/qrsi.tsp/8850511/11801115/0/1/A/%EB%B6%95%EC%96%B4%EB%B9%B5.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<b><span style=\"color: #ff00ff\">붕어빵 </span></b>(พุง ออ ปัง) - <span style=\"color: #000000\">ขนมปังรูปปลายัดไส้ ในรูปมีวิธีทำให้ดูด้วยนะ ทำได้หลายไส้เหมือนกัน ที่นิยมก็คือ ไส้ถั่วแดง ไส้ครีม กินร้อนๆ</span> \n</p>\n<p></p></span></span>\n</div>\n<p></p></span></span>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"50\" width=\"249\" src=\"http://upic.me/i/9h/0untitled-2.jpg\" />\n</div>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<div align=\"center\">\n<p>\n<a href=\"/node/82619\"><img height=\"150\" width=\"150\" src=\"http://upic.me/i/yo/untitled-5.gif\" align=\"right\" /></a>\n</p>\n</div>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\">0 <br />\n</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffffff\"> 0</span>\n</div>\n', created = 1716130958, expire = 1716217358, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:9430676bb8dce9008715db7b19f34b6a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

อาหาร ในประเทศเกาหลี

.

.

.
         
.
.
.
.
.

 

김지 กิมจิ

............จุดเริ่มต้นของกิมจิ
เป็นที่เชื่อกันว่าการทำกิมจิเป็นการดองผักที่ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 7 ในยุคนั้นช่วงฤดูหนาวในประเทศเกาหลี จะมีอากาศหนาวจัดไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ชาวเกาหลีจึงคิดวิธีการถนอมอาหารขึ้น เพื่อมาทดแทนผักสดที่หาได้ยาก หนึ่งในนั้นคือการทำผักดองเค็มด้วยเกลือหมักในไหแล้วนำไปฝังดิน จึงเป็นจุดกำเนิดของกิมจิในยุคสมัยต่อมา

............กิมจิในสมัยอาณาจักรโคเรียว
มีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับกิมจิจากตำรายารักษาโรคทางภาคตะวันออกของประเทศ ที่เรียกว่า "ฮันยักกูกึบบัง" (Hanyakgugeupbang) ในตำรากล่าวถึงกิมจิอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกคือหัวผักกาดฝานเป็นแผ่นดองด้วยซอสถั่วเหลืองเรียกว่า "กิมจิ-จางอาจิ" (Kimchi-jangajji) ชนิดที่สองใช้หัวไชโป๊เรียกว่า "ซุมมู โซกึมชอลรี" (Summu Sogeumjeori) เป็นที่เชื่อกันว่าได้มีการปรับปรุงรสชาติของกิมจิให้จัดจ้านขึ้น อีกทั้งเริ่มได้รับความนิยมว่าเป็นอาหารแปรรูปจึงเริ่มมีการทำกิมจิตลอดทั้ง ปีโดยไม่กำจัดเฉพาะช่วงฤดูหนาวเหมือนก่อน ทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรโคเรียวนี้

............กิมจิในสมัยโชซอน
เล่ากันว่ากิมจิที่มีในสมัยโชซอน ชาวบ้านจะใช้ผักใบเขียวมาดองกับเกลือหรือเกลือกับเหล้าเท่านั้นซึ่งเรียกว่า รสดั้งเดิม ในเวลาต่อมาช่วงต้นศตวรรษที่ 17 (หลังจากที่ถูกญี่ปุ่นรุกรานในปี พ.ศ. 2135) จึงเริ่มมีการนำเข้าผักจากต่างประเทศ ส่วนพริกแดงจากญี่ปุ่นนำเข้ามาโดยพ่อค้าชาวโปรตุเกส พริกจึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งในกิมจิหลังจากผ่านไปแล้ว 200 ปี ดั้งนั้นราวปลายสมัยราชวงศ์โชซอนสีของกิมจิจึงกลายเป็นสีแดง

ภายในราชสำนักโชซอนมีการทำกิมจิเพื่อใช้ถวายต่อกษัตริย์ใน ราชวงศ์โชซอนมีอยู่ด้วยกันสามชนิดได้แก่ "ชอทกุกจิ" (Jeotgukji) เป็นกิมจิที่ทำจากกะหล่ำปลีผสมกับปลาหมัก (ปลาหมักจะใช้เฉพาะคนชั้นสูงในสมัยนั้น) "คักดูกิ" (kkakdugi) เป็นกิมจิทำจากหัวผักกาด ส่วนชนิดสุดท้ายคือ "โชซอน มูซางซานชิก โยรีเจบ็อบ" (Joseon massangsansik yorijebeop) เป็นกิมจิน้ำตำราอาหารของราชสำนักโชซอน โดยมีเรื่องเล่ากันว่ามีการทำกิมจิน้ำโดยมีลูกแพร์เป็นส่วนผสมใช้ทำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นโดยเฉพาะ เพื่อทำถวายกษัตริย์โกชอง (Gojong) กษัตริย์องค์รองสุดท้ายของโชซอน เพราะพระองค์ทรงโปรดก๋วยเตี๋ยวเย็นผสมในกิมจิน้ำพร้อมด้วยน้ำซุปเนื้อ

............กิมจิในยุคปัจจุบัน
กิมจิเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกาหลีดังนั้นเวลามีการเดินทางในต่าง แดนก็ไม่ลืมที่จะพกกิมจิติดตัวไปด้วย กิมจิจึงได้เริ่มแพร่หลายในวงกว้างโดยช่วงแรกเริ่มเข้าไปในประเทศใกล้เคียง ก่อนคือประเทศจีน รัสเซีย เกาะฮาวาย และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นชาติแรกที่นำกิมจิเป็นเครื่องเคียงในอาหารของชาติตนเองโดย เรียกกิมจิของตนเองว่า คิมุชิ (Kimuchi) เพื่อให้เข้ากับการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่น และกิมจิชนิดนี้มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติให้เข้ากับอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ต่อมากิมจิจึงเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวต่างชาติในหลายประเทศ เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และไทย 

 

............김밥 (คิมบับ) - ข้าวห่อสาหร่าย ตอนแรกจะเป็นแท่งยาวๆ แล้วเค้าก็จะหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ จิ้มกะโชยุญี่ปุ่นหรือวาซาบิก็ได้ ตามร้านอาหารก็จะมีทำเป็นพิเศษหน่อย คือมีผัดซอสมาให้จิ้มราดด้วย แล้วแต่ร้านทำ

 

............냉면 (แนง-มยอน) - บะหมี่เย็น ก็คือบะหมี่ที่อยู่ในน้ำซุปเย็น (พูดให้มันได้อะไรเนี่ย - -.) บางที่มีใส่น้ำแข็งด้วยอ่ะ เห็นเค้าบอกคนเกาหลีชอบกินตอนหน้าหนาว ประมาณว่ายึดหลักแบบหยินหยางมั้ง อากาศเย็น กินเย็น


.

............떡복이- ต๊อกโพกี เป็นอาหารที่ทำมาจากแป้งข้าว ซึ่งมีประวัติที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลีเชียว สมัยนั้น อาหารเป็นเรื่องใหญ่ (กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องนี่นา) เพื่อเป็นการถนอมอาหารและง่ายต่อการรับประทานแล้วยังให้พลังงานสูงอีกด้วย ด้วยรสชาติ และความทรงจำครั้งสมัยนั้น ไม่ว่าจะเมนูไหน ชาวเกาหลีจึงมักจะใส่ต๊อกโพกีลงไปด้วย จึงทำให้ ต๊อกโพกีอยู่คู่เกาหลีมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนประกอบ

.

http://www.jpopkpop-music.com/travel/wp-content/uploads/2009/02/003_4.jpg

............삼계탕 (ซัมกเยทัง) เป็นอาหารที่คนเกาหลีนิยมทานกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อบำรุงสุขภาพ และชูกำลัง โดยไก่สดมายัดไส้ด้วย โสมเกาหลี ข้าวเหนียวนึ่งสุก และเครื่องเทศต่างๆ โสมพุทราจีน กระเทียม ต้นหอม ยัดเข้าไปในตัวไก่แล้วตุ๋นกับน้ำซุปจนเนื้อไก่เปื่อยยุ่ยได้ที่ เสิร์ฟมาร้อนๆ ซดน้ำซุปรสออกจืดๆ น้ำต้มไก่ แต่จะมีเครื่องปรุงคือเกลือ พริกไทย และงาขาว ไว้ให้โรยเพิ่มรสชาติความเค็มไม่ให้จืดจนเกินไป 

.

http://2.bp.blogspot.com/_wcEKzc3cZdI/SxDApaiyI-I/AAAAAAAAADs/MVpWA-479p4/s1600/2.jpg

............불고기 (พุลโกกี) เนื้อย่างเกาหลีอันเลื่องชื่อนั่นเอง คนที่ไปกินมาแล้ว การันตีทุกคนว่าเหนือชั้นกว่าหมูกระทะที่เมืองไทย เพราะจะเป็นเนื้อที่หมักอย่างดี และหอมหวานชวนน้ำลายสอ ถ้าไปกินหลายๆคน ต้องเกิดเหตุการณ์เอาตะเกียบตบกันแย่งเนื้อ

.

http://itviewpoint.com/files/attach/images/129/6131/kum.jpg

............자장면 (ชาจังมยอน) บะหมี่ดำ ที่อาจจะเห็นในหนังบ่อยๆ เวลากินแล้วจะเลอะปากไปหมด ดูแล้วหมดกัน ผู้หญิงมีหนวด!? ต้องเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้อย่าให้ขาดมือเชียว เดี๋ยวหนุ่มๆจะเบือนหน้าหนี อิอิ แต่รับรองว่าอร่อย แล้วก็ยังไว้กินย้อมใจช่วงขาดคู่ด้วย

.

http://c.ask.nate.com/imgs/qrsi.tsp/8850511/11801115/0/1/A/%EB%B6%95%EC%96%B4%EB%B9%B5.jpg

붕어빵 (พุง ออ ปัง) - ขนมปังรูปปลายัดไส้ ในรูปมีวิธีทำให้ดูด้วยนะ ทำได้หลายไส้เหมือนกัน ที่นิยมก็คือ ไส้ถั่วแดง ไส้ครีม กินร้อนๆ 

 0
 0
 0
 0
 0
 0
 0
 0
 0
 0
0
 0
สร้างโดย: 
นางสาววีณา รัตนสุมาวงศ์ นางสาวรวิภา ยสทะแสน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 287 คน กำลังออนไลน์