• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:7db512027416cbf269a7e3c4c51894b7' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div class=\"Post-cc\">\n</div>\n<div class=\"Post-body\">\n<div class=\"PostContent\">\n<!--paging_filter--><!--paging_filter--><p class=\"article\">\n                      \n</p>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p class=\"article\">\n<a href=\"/node/70463\"></a>\n</p>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70461\"></a>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70467\"></a>\n<div class=\"Post-cc\">\n</div>\n<div class=\"Post-body\">\n<div class=\"Post-inner\">\n<div class=\"PostContent\">\n<div class=\"article\">\n<!--paging_filter--><!--paging_filter--><p>\n<a href=\"/node/70463\"></a><a href=\"/node/70463\"></a>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70464\"><img height=\"422\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/RESPI1.jpg\" align=\"left\" border=\"0\" style=\"width: 248px; height: 183px\" /></a><a href=\"/node/70463\"><img height=\"374\" width=\"511\" src=\"/files/u30452/CIRCU1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 251px; height: 183px\" /> </a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70467\"><img height=\"369\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/DIGEST1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 286px; height: 179px\" /> </a>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p> \n</p></div>\n</div>\n</div>\n</div>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<span style=\"background-color: #ffff00; color: #0000ff\">ระบบไหลเวียนโลหิต</span>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"320\" width=\"400\" src=\"/files/u30452/heart-transplant-normal-anatomy-picture.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p class=\"article\">\n                      ที่มา:http://static.howstuffworks.com/gif/adam/images/en/heart-transplant-normal-anatomy-picture.jpg\n</p>\n<p class=\"article\">\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"article\">\nเปรียบเสมือนเส้นทางขนส่งของร่างกายคนเรา ที่จะนำเอาสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ของอวัยวะส่วนต่างๆ<br />\n เพื่อเป็นวัตถุดิบใช้พลังงานในการทำงานตามปกติ และจะมีหน้าที่รับเอาของเสียจากเซลล์เหล่านั้นกลับมาขับถ่ายออกไปด้วย <br />\nดังนั้น การไหลเวียนของโลหิตจึงต้องเกิดขึ้นสม่ำเสมอตลอดเวลา ร่างกายของคนเราจึงจะอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุขตลอดไป\n</p>\n<p class=\"article\">\nหัวใจของท่านจะทำหน้าที่สำคัญ โดยเป็นเสมือนเครื่องจักรที่มีหน้าที่ส่งเลือดให้ไหลเวียนอยู่ในระบบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา<br />\n การเต้นของหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอ จะสามารถทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิต อย่างน้อย 4 ลิตรครึ่งต่อ 1 นาที <br />\nไปทั่วส่วนต่างๆ ของร่างกาย หัวใจของท่านจะประกอบไปด้วยระบบสูบฉีดโลหิต 2 ด้านด้วยกันคือซ้ายและขวา หัวใจด้านขวาจะสูบฉีดโลหิตไป            ที่ปอด<br />\n เพื่อแลกเปลี่ยนขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป และรับเอาออกซิเจนเข้ามาแทน แล้วไหลกลับมาที่หัวใจด้านซ้าย เพื่อสูบฉีดโลหิตออกไป              เลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป\n</p>\n<p class=\"article\">\nหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจเราเรียกว่า หลอดเลือดแดง ซึ่งนอกจากหลอดเลือดแดงที่ไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนแล้ว<br />\n หลอดเลือดแดงที่ออกจากหัวใจก็จะนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งตัวหัวใจเองก็จะได้รับออกซิเจนจากหลอดเลือดหัวใจ            ซึ่งมีสามแขนงใหญ่ๆ <br />\nด้วยกัน หลอดเลือดแดงจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนมีขนาดเล็กมากเท่ากับขนาดเซลล์เม็ดเลือดแดงผ่านได้พอดี ระหว่างที่ไหลผ่านนี้               ก็จะส่งสารอาหารและออกซิเจนให้กับเซลล์ต่างๆ<br />\n และรับเอาของเสียรวมทั้งคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาไว้ โดยขณะไหลเวียนกลับก็จะผ่านทางหลอดเลือดดำขนาดเล็ก ซึ่งจะค่อยๆ ถ่ายเท              เข้าหลอดเลือดดำใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ<br />\n และหลอดเลือดดำก็จะไปผ่านไตทั้ง 2 ข้าง และตับ เพื่อขับถ่ายออกเสีย ก่อนที่จะไหลเวียนกลับสู่หัวใจเป็นการสิ้นสุดวงรอบ และเริ่มตั้งต้น           ใหม่เป็นวัฎจักรต่อเนื่องตลอดเวลาตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่\n</p>\n<p class=\"article\">\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<p align=\"center\" class=\"article\">\n<img height=\"360\" width=\"360\" src=\"/files/u30452/55.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 303px; height: 274px\" />\n</p>\n<p class=\"article\">\n                  มีหน้าที่นำออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญอาหารทำให้เกิดพลังงาน คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์          จะถูกนำออกนอกร่างกายโดยจะถูกลำเลียง<br />\nมายังปอดและส่งออกทางลมหายใจออก<br />\nส่วนประกอบของระบบหายใจ ได้แก่ จมูก หลอดลม ปอด ส่วนประกอบทุกส่วนรวมเข้าด้วยกันเป็นระบบหายใจ จะสามารถแบ่งออกได้เป็น              โครงสร้าง 2 ส่วน คือ\n</p>\n<p class=\"article\">\n          1. ท่อทางเดินอากาศ มีหน้าที่หลักคือ เป็นทางเดินของอากาศจากภายนอกร่างกาย ซึ่งมี ออกซิเจน สูง เข้าสู่ปอด                               และนำอากาศจากปอด ซึ่งมี คาร์บอนไดออกไซด์ <br />\nสูงออกจากปอด การทำงานของส่วนนี้เริ่มจากจมูกสูดอากาศผ่านรูจมูกซึ่งมีขนและเมือกเป็นเครื่องกรองฝุ่นละอองในอากาศ                               จากนั้นอากาศที่กรองแล้วจะผ่านเข้าสู่โพรงจมูก ซึ่งภายในมีขนเล็กๆ\n</p>\n<p class=\"article\">\nคอยโบกเพื่อขจัดฝุ่นละอองอีก จากนั้นจะผ่านช่องเข้าสู่หลอดลม แยกเข้าสู่ขั้วปอดซ้ายขวา\n</p>\n<p class=\"article\">\n          2.ปอด มีหน้าที่ในการให้พื้นที่จำนวนมากสำหรับการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างอากาศ ใหม่ในถุงลมปอดกับเลือด                                     ซึ่งส่วนสุดท้ายของปอดจะมีถุงเล็กๆ<br />\n ซึ่งภายในมีเส้นเลือดฝอยไว้สำหรับแลกเปลี่ยน ออกซิเจน จากลมหายใจเข้ากับ คาร์บอนไดออกไซด์ จากเลือดเสีย ออกซิเจน                           จะแพร่เข้าสู่เส้นเลือดฝอย <br />\nในขณะที่ คาร์บอนไดออกไซด์ จะย้อนทางเป็นลมหายใจออก ผ่านขั้นปอด หลอดลม โพรงจมูกออกทางรูจมูก                                              การแลกเปลี่ยนแก๊สจะดำเนินต่อไปได้นั้น<br />\n ความดันย่อยของแก๊ส ออกซิเจน ในถุงลมปอดจะต้องสูงกว่าความดันย่อยของแก๊ส ออกซิเจน ในเลือด                                                     และความดันย่อยของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์<br />\n ในถุงลมปอดจะต้องต่ำกว่าความดันย่อยของแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดอยู่ตลอดเวลา                                                                 ดังนั้นอากาศใหม่ภายนอกจะต้องถูกนำเข้ามายังปอด <br />\nและอากาศเสียจากปอดจะต้องถูกนำออกสู่ภายนอก เป็นระยะๆตลอดเวลา ทั้งนี้ก็ด้วยการทำงานของกล้ามเนื้อทรวงอกและกระบังลม                        ในการทำให้ปริมาตรทรวงอกขยายออกและหุบเข้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ<br />\n เป็นผลให้ปอด ซึ่งติดอยู่กับผนังทรวงอกมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรตามไปด้วย\n</p>\n<p class=\"article\">\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<p class=\"article\">\nหัวใจ ( heart ) หัวใจจะทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย โดยจะรับเลือดที่มีออกซิเจนสูงจากปอดเข้าทางหัวใจ                      ห้องบนซ้ายผ่านต่อมายังหัวใจห้องล่างซ้าย<br />\n เพื่อส่งออกไปยังอวัยวะต่างๆขอองร่างกายและจะรับเลือดที่มีออกซิเจนน้อยจากส่วนต่างๆของร่างกายกลับเข้าสู่หัวใจทางหัวใจห้องบนขวา               และผ่านไปยังหัวใจห้องล่างขวาเพื่อส่งไปยังปอด<br />\n เลือดที่มีออกซิเจนต่ำจะไปยังปอดเพื่อรับออกซิเจนและกลับเข้าสู่หัวใจอีกครั้งหมุนเวียนตลอดเวลาอย่างเป็นระบบ<br />\n    หรือกล่าวได้ว่าเลือดดำ ( เลือดที่มีแก๊สออกซิเจนต่ำ )จากส่วนต่างๆ ของร่างกายไหลเข้าหัวใจทางหัวใจห้องบนขวา<br />\nโดยเลือดจากส่วนบนของร่างกายจะเข้าสู่หัวใจทางเส้นเลือดซุปิเรียเวนาคาวาและเลือดจากส่วนล่างของร่างกายจะเข้าสู่หัวใจ                             ห้องบนขวาทางเส้นเลือดอินพีเรียเวนาคาวา<br />\n จากนั้นหัวใจห้องบนขวาจะหดตัวให้เลือดผ่านลิ้นหัวใจลงสู่หัวใจห้องล่างขวาแล้วหัวใจห้องล่างขวาจะบีบตัวให้เลือดไปเข้าไป                             ในเส้นเลือดพัลโมนารีอาร์เทอรีจากหัวใจไปยังปอด                          <br />\n เลือดดำจะผ่านเข้าไปในเส้นเลือดฝอยรอบๆถุงลมปอด แล้วจ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับถุงลมปอดแล้วรับแก๊สออกซิเจนเข้ามา                      แทนเป็นผลให้เลือดดำกลายเป็นเลือดแดง ( เลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูง )<br />\n แล้วไหลออกจากปอดเข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายทางเส้นเลือดพัลโมนารีเวนจากนั้นหัวใจห้องบนซ้ายจะบีบเลือดลงไปที่หัวใจห้องล่างซ้าย                  เพื่อให้หัวใจห้องล่างซ้ายบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายต่อไป\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"198\" width=\"359\" src=\"/files/u30452/202.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nที่มา:http://school.obec.go.th/msp/bodyveinblood2.jpg\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n <img height=\"431\" width=\"292\" src=\"/files/u30452/21.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nที่มา:http://www.esanpt1.go.th/nites/body-wbi/body-wbi/21.JPG\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--></div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"450\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/1_2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 425px; height: 256px\" /><br />\n ที่มา:http://biology.clc.uc.edu/fankhauser/Labs/Anatomy_&amp;_Physiology/A&amp;P203/ Circulatory_System/Human_Heart/heart_R_flash_P4043322lbd.JPG\n</div>\n</div>\n</div>\n<div class=\"Post-cc\">\n</div>\n<div class=\"Post-body\">\n<h2 class=\"PostHeaderIcon-wrapper\"><a href=\"/node/70463\"></a></h2>\n<div class=\"PostContent\">\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70464\"></a>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70467\"></a>\n</div>\n<p class=\"article\">\n              เลือด(Blood)  ประกอบด้วย น้ำเลือด หรือพลาสมา(Plasma) และเม็ดเลือดซึ่งประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง <br />\nเม็ดเลือดขาว และเซลล์เม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือด(Platelet)   เม็ดเลือดแดงมีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นโปรตีน<br />\nและเหล็กมีชื่อเรียกว่า เฮโมโกลบิน ก๊าซออกซิเจน จะรวมตัวกับเฮโมโกลบินแล้วลำเลียงไปใช้ยังส่วนต่าง ๆ ของ<br />\nร่างกาย  เม็ดเลือดขาวซึ่งผลิตโดยม้าม* จะทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกาย  ส่วนเกล็ดเลือดจะเป็นตัวช่วยให้เลือดแข็งตัว                    เมื่อเกิดบาดแผล<br />\n          น้ำเลือดประกอบด้วยน้ำประมาณร้อยละ 91 ที่เหลื่อเป็นสารอาหารต่าง ๆ เช่นโปรตีน  วิตามิน  แร่ธาตุ  เอนไซม์  และก๊าซ<br />\n          เส้นเลือด(Blood  Vessel) คือท่อที่เป็นทางให้เลือดไหลเวียนในร่างกายซึ่งมี 3 ระบบ คือเส้นเลือดแดง  <br />\nเส้นเลือดดำ และเส้นเลือดฝอย<br />\n          หัวใจ(Heart) ตั้งอยู่ในทรวงอกระหว่างปอดทั้งสองข้างเอียงไปทางซ้ายของแนวกลางตัว ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแรงภายในมี 4 ห้อง<br />\n     -หัวในห้องบนซ้าย(Left atrium)       มีหน้าที่ รับเลือดที่ผ่านการฟอกที่ปอด<br />\n     -หัวใจห้องบนขวา(Right atrium)      มีหน้าที่ รับเลือดที่ร่างกายใช้แล้ว<br />\n     -หัวใจห้องล่างขวา(Right ventricle)  มีหน้าที่ สูบฉีดเลือดไปฟอกที่ปอด<br />\n     -หัวใจห้องล่างซ้าย(Left ventricle)   มีหน้าที่ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย <br />\n     ระหว่างหัวใจซีกซ้ายและซีกขวามีผนังที่เหนียว หนา และแข็งแรงกั้นไว้ และระหว่างห้องหัวใจด้านบนและ<br />\nด้านล่างของแต่ละซีก มีลิ้นของหัวใจคอยปิดกั้นมิให้เลือดไหลย้อนกลับ ดังนั้น การไหลเวียนของเลือดจึงเป็นการไหลไปในทางเดียวกันตลอด <br />\n ซึ่ง วิลเลียม ฮาร์วีย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่ค้นพบการหมุนเวียน<br />\nของเลือด และชี้ให้เห็นว่า เลือดมีการไหลเวียนไปทางเดียวกัน\n</p>\n<p class=\"article\">\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<p class=\"article\">\n ความดันเลือด (blood pressure) ขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัวเพื่อสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดความดันเลือดภาย                 ในหลอดเลือดแดง  ดังนี้  ความดันของหลอด<br />\n           เลือดแดงที่อยู่ใกล้หัวใจจะมีความดันสูงกว่าหลอดเลือดแดงที่อยู่ไกลหัวใจ  ส่วนในหลอดเลือดดำจะมีความดันต่ำกว่าหลอด                        เลือดแดงเสมอ ความดันเลือดมีหน่วยวัดเป็นมิลลิเมตรของ<br />\n          ปรอท(mmHg) เป็นค่าตัวเลข 2 ค่า คือ  ค่าความดันเลือดขณะหัวใจบีบตัวและค่าความดันเลือดขณะหัวใจคลายตัว เช่น                           110/70  มิลลิเมตรของปรอท  ตัวเลขค่าแรก 110 คือค่าของความดันเลือด<br />\n           สูงสุด     ขณะหัวใจบีบตัว เรียกว่า “ความดันซิสโทลิก” ตัวเลขค่าหลัง 70 คือค่าของความดันเลือดต่ำสูดที่หัวใจคลายตัว                       เรียกว่า “ความดันไดแอสโทลิก”<br />\n                   เครื่องมือวัดความดันเลือดเรียกว่า “มาตรความดันเลือด” จะใช้คู่กับสเตตโทสโคป(stetoscope)โดยจะวัดความดัน                         ที่หลอดเลือดแดง   ปกติความดันเลือดสูงสุดขณะหัวใจบีบตัวให้เลือกออก<br />\n           จากหัวใจมีค่า 100 + อายุ และความดันเลือดขณะที่หัวใจรับเลือดไม่ควรเกิน  90 มิลลิเมตรของปรอท  ถ้าเกินจะเป็น                           โรคความดันเลือดสูง  ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายประการเช่น หลอดเลือดตีบตัน<br />\n           คอเลสเทอรอลในเลือดสูง  โกรธง่ายหรือเครียดอยู่เป็นประจำ พบมากในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีจิตใจอยู่ในสภาวะเครียด                              นอกจากนี้ยังเกิดจากอารมณ์โกรธ  ทำให้ร่างกายผลิตสารชนิดหนึ่งออกมา <br />\n           ซึ่งสารนี้จะมีผลต่อการบีบตัวของหัวใจโดยตรง<br />\n                ชีพจร  หมายถึงการหดตัวและการคลายตัวของหลอดเลือดแดง ซึ่งตรงกับจังหวะการเต้นของหัวใจคนปกติหัวใจเต้น                      เฉลี่ยประมาณ 72 ครั้งต่อนาที  การเต้นของชีพจรแต่ละคนจะแตกต่างกันปกติ<br />\n         อัตราการเต้นของชีพจรในเพศชายจะสูงกว่าเพศหญิง นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับอายุและกิจกรรมที่ทำอีกด้วย<br />\n                ปัจจัยที่มีผลต่อความดันเลือด มีดังนี้<br />\n                1.  อายุ  ผู้สูงอายุมีความดันเลือดสูงกว่าเด็ก<br />\n                2.  เพศ  เพศชายมีความดันเลือดสูงกว่าเพศหญิง  ยกเว้นเพศหญิงที่ใกล้หมดประจำเดือนจะมีความดันเลือดค่อนข้างสูง<br />\n                3.  ขนาดของร่างกาย  คนที่มีร่างกายขนาดใหญ่มักมีความดันเลือดสูงกว่าคนที่มีร่างกายขนาดเล็ก<br />\n                4.  อารมณ์  ผู้ที่มีอารมณ์เครียด  วิตกกังวล โกรธหรือตกใจง่าย  ทำให้ความดันเลือดสูงกว่าคนที่อารมณ์ปกติ<br />\n                5.  คนทำงานหนักและการออกกำลังกาย ทำให้มีความดันเลือดสูง\n</p>\n<p align=\"center\" class=\"article\">\n <img height=\"523\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/heart_20anatomy.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 415px; height: 274px\" />\n</p>\n<p align=\"center\" class=\"article\">\nที่มา:http://faculty.irsc.edu/FACULTY/TFischer/bio%202%20files/heart%20anatomy.jpg\n</p>\n</div>\n</div>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/70463\"></a>\n</p>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p><a href=\"/node/70464\"></a></p>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p><a href=\"/node/70467\"></a></p>\n<div align=\"center\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70468\"><img height=\"489\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/home.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 243px; height: 215px\" /></a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"right\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n', created = 1719817900, expire = 1719904300, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:7db512027416cbf269a7e3c4c51894b7' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a6a649ebc1be570454fcaa587acf9e85' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div class=\"Post-cc\">\n</div>\n<div class=\"Post-body\">\n<div class=\"PostContent\">\n<!--paging_filter--><!--paging_filter--><p class=\"article\">\n                      \n</p>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p class=\"article\">\n<a href=\"/node/70463\"></a>\n</p>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"center\" class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70461\"></a>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70467\"></a>\n<div class=\"Post-cc\">\n</div>\n<div class=\"Post-body\">\n<div class=\"Post-inner\">\n<div class=\"PostContent\">\n<div class=\"article\">\n<!--paging_filter--><!--paging_filter--><p>\n<a href=\"/node/70463\"></a><a href=\"/node/70463\"></a>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70464\"><img height=\"422\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/RESPI1.jpg\" align=\"left\" border=\"0\" style=\"width: 248px; height: 183px\" /></a><a href=\"/node/70463\"><img height=\"374\" width=\"511\" src=\"/files/u30452/CIRCU1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 251px; height: 183px\" /> </a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70467\"><img height=\"369\" width=\"600\" src=\"/files/u30452/DIGEST1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 286px; height: 179px\" /> </a>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p> \n</p></div>\n</div>\n</div>\n</div>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<span style=\"background-color: #ffff00; color: #0000ff\">ระบบไหลเวียนโลหิต</span>\n</div>\n<div class=\"article\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"320\" width=\"400\" src=\"/files/u30452/heart-transplant-normal-anatomy-picture.jpg\" border=\"0\" />\n</div>\n<p class=\"article\">\n                      ที่มา:http://static.howstuffworks.com/gif/adam/images/en/heart-transplant-normal-anatomy-picture.jpg\n</p>\n<p class=\"article\">\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"article\">\nเปรียบเสมือนเส้นทางขนส่งของร่างกายคนเรา ที่จะนำเอาสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ของอวัยวะส่วนต่างๆ<br />\n เพื่อเป็นวัตถุดิบใช้พลังงานในการทำงานตามปกติ และจะมีหน้าที่รับเอาของเสียจากเซลล์เหล่านั้นกลับมาขับถ่ายออกไปด้วย <br />\nดังนั้น การไหลเวียนของโลหิตจึงต้องเกิดขึ้นสม่ำเสมอตลอดเวลา ร่างกายของคนเราจึงจะอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุขตลอดไป\n</p>\n<p class=\"article\">\nหัวใจของท่านจะทำหน้าที่สำคัญ โดยเป็นเสมือนเครื่องจักรที่มีหน้าที่ส่งเลือดให้ไหลเวียนอยู่ในระบบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา<br />\n การเต้นของหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอ จะสามารถทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิต อย่างน้อย 4 ลิตรครึ่งต่อ 1 นาที <br />\nไปทั่วส่วนต่างๆ ของร่างกาย หัวใจของท่านจะประกอบไปด้วยระบบสูบฉีดโลหิต 2 ด้านด้วยกันคือซ้ายและขวา หัวใจด้านขวาจะสูบฉีดโลหิตไป            ที่ปอด<br />\n เพื่อแลกเปลี่ยนขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป และรับเอาออกซิเจนเข้ามาแทน แล้วไหลกลับมาที่หัวใจด้านซ้าย เพื่อสูบฉีดโลหิตออกไป              เลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป\n</p>\n<p class=\"article\">\nหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจเราเรียกว่า หลอดเลือดแดง ซึ่งนอกจากหลอดเลือดแดงที่ไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนแล้ว<br />\n หลอดเลือดแดงที่ออกจากหัวใจก็จะนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งตัวหัวใจเองก็จะได้รับออกซิเจนจากหลอดเลือดหัวใจ            ซึ่งมีสามแขนงใหญ่ๆ <br />\nด้วยกัน หลอดเลือดแดงจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนมีขนาดเล็กมากเท่ากับขนาดเซลล์เม็ดเลือดแดงผ่านได้พอดี ระหว่างที่ไหลผ่านนี้               ก็จะส่งสารอาหารและออกซิเจนให้กับเซลล์ต่างๆ<br />\n และรับเอาของเสียรวมทั้งคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาไว้ โดยขณะไหลเวียนกลับก็จะผ่านทางหลอดเลือดดำขนาดเล็ก ซึ่งจะค่อยๆ ถ่ายเท              เข้าหลอดเลือดดำใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ<br />\n และหลอดเลือดดำก็จะไปผ่านไตทั้ง 2 ข้าง และตับ เพื่อขับถ่ายออกเสีย ก่อนที่จะไหลเวียนกลับสู่หัวใจเป็นการสิ้นสุดวงรอบ และเริ่มตั้งต้น           ใหม่เป็นวัฎจักรต่อเนื่องตลอดเวลาตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่\n</p>\n<p class=\"article\">\n</p></div></div>', created = 1719817900, expire = 1719904300, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a6a649ebc1be570454fcaa587acf9e85' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ระบบหมุนเวียนโลหิต

รูปภาพของ sss27808

 

                      

 

 

 

ระบบไหลเวียนโลหิต

                      ที่มา:http://static.howstuffworks.com/gif/adam/images/en/heart-transplant-normal-anatomy-picture.jpg

 

เปรียบเสมือนเส้นทางขนส่งของร่างกายคนเรา ที่จะนำเอาสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ของอวัยวะส่วนต่างๆ
 เพื่อเป็นวัตถุดิบใช้พลังงานในการทำงานตามปกติ และจะมีหน้าที่รับเอาของเสียจากเซลล์เหล่านั้นกลับมาขับถ่ายออกไปด้วย
ดังนั้น การไหลเวียนของโลหิตจึงต้องเกิดขึ้นสม่ำเสมอตลอดเวลา ร่างกายของคนเราจึงจะอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุขตลอดไป

หัวใจของท่านจะทำหน้าที่สำคัญ โดยเป็นเสมือนเครื่องจักรที่มีหน้าที่ส่งเลือดให้ไหลเวียนอยู่ในระบบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
 การเต้นของหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอ จะสามารถทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิต อย่างน้อย 4 ลิตรครึ่งต่อ 1 นาที
ไปทั่วส่วนต่างๆ ของร่างกาย หัวใจของท่านจะประกอบไปด้วยระบบสูบฉีดโลหิต 2 ด้านด้วยกันคือซ้ายและขวา หัวใจด้านขวาจะสูบฉีดโลหิตไป            ที่ปอด
 เพื่อแลกเปลี่ยนขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป และรับเอาออกซิเจนเข้ามาแทน แล้วไหลกลับมาที่หัวใจด้านซ้าย เพื่อสูบฉีดโลหิตออกไป              เลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อไป

หลอดเลือดที่ออกจากหัวใจเราเรียกว่า หลอดเลือดแดง ซึ่งนอกจากหลอดเลือดแดงที่ไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนแล้ว
 หลอดเลือดแดงที่ออกจากหัวใจก็จะนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งตัวหัวใจเองก็จะได้รับออกซิเจนจากหลอดเลือดหัวใจ            ซึ่งมีสามแขนงใหญ่ๆ
ด้วยกัน หลอดเลือดแดงจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนมีขนาดเล็กมากเท่ากับขนาดเซลล์เม็ดเลือดแดงผ่านได้พอดี ระหว่างที่ไหลผ่านนี้               ก็จะส่งสารอาหารและออกซิเจนให้กับเซลล์ต่างๆ
 และรับเอาของเสียรวมทั้งคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาไว้ โดยขณะไหลเวียนกลับก็จะผ่านทางหลอดเลือดดำขนาดเล็ก ซึ่งจะค่อยๆ ถ่ายเท              เข้าหลอดเลือดดำใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
 และหลอดเลือดดำก็จะไปผ่านไตทั้ง 2 ข้าง และตับ เพื่อขับถ่ายออกเสีย ก่อนที่จะไหลเวียนกลับสู่หัวใจเป็นการสิ้นสุดวงรอบ และเริ่มตั้งต้น           ใหม่เป็นวัฎจักรต่อเนื่องตลอดเวลาตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 912 คน กำลังออนไลน์