เมื่อต้องเริ่ม “เดินกล้อง”
เมื่อต้องเริ่ม “เดินกล้อง”
สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับจะต้องเตรียมตัวก่อนวันถ่ายทำหนึ่งวันก็คือ พักผ่อนให้เพียงพอเสียก่อนเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะมีแน่อาการที่แบบว่าวิตกกังวล คิดไปเรื่อยว่า“พรุ่งนี้มันจะเจอกับปัญหาแบบนี้ไหมนะ?”หรือว่า“ พรุ่งนี้ฝนจะตกหรือเปล่า?”คุณจะต้องตัดความกังวลทิ้งไปการที่คุณมานั่งเครียดจนถึงกับไม่หลับไม่นอนนั้นไม่ช่วยอะไรเลย ปัญหาใดเมื่อมันจะต้องเกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้ไม่ว่าเราจะเตรียมตัวมาสมบูรณ์พร้อมแค่ไหนก็ตาม การมาก่ายหน้าผากตั้งแต่มันยังไม่เกิดไม่ได้ช่วยอะไร หนำซ้ำยังทำให้เป็นผลร้ายต่อสุขภาพของตัวคุณเองเสียอีกดังนั้นก่อนอื่นเลยคุณจะต้องรู้จักปล่อยใจตัวเองให้สบายเสียก่อนเมื่อเช้าวันแรกของการถ่ายทำมาถึงสิ่งหนึ่งที่คุณควรจะทำ(แต่จะทำหรือไม่ทำก็ได้นะครับ)ก็คือการทำพิธีบวงสรวงเปิดกล้องแบบที่เราเห็นพวกกองถ่ายหนังกองถ่ายละครทำ แล้วเชิญนักข่าวมาร่วมงานด้วยเพียงแต่ว่าในฐานะที่เป็นหนังสั้น คุณไม่จำเป็นจะต้องจัดพิธีให้ใหญ่โตก็ได้อย่างแค่ทำบุญตักบาตร หรือไหว้เจ้าที่เจ้าทางเพื่อความเป็นสิริมงคลและความสบายใจของทีมงานโดยหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยคุ้มครองให้การถ่ายทำลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่เกิดปัญหาใดๆขึ้นมาก่อนหนังจะเริ่มถ่าย บางทีผู้กำกับก็อาจจะพูดคุยอะไรกับทีมงานนิดหนึ่ง แบบกึ่งๆการปลุกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับต้องฮึกเหิมอะไร แต่เป็นในลักษณะให้กำลังใจซึ่งกันและกันมากกว่า
เมื่อว่ากันถึง “หน้าที่”กองถ่ายหนังทุกกองมีคนในตำแหน่งหน้าที่แตกต่างกันไปโดยสามารถแบ่งแยกย่อยได้เป็นดังนี้ครับ
1.ผู้กำกับ
คนนี้สำคัญที่สุดก่อนหน้านี้ก็เกริ่นมาเล็กน้อยครับว่าผู้กำกับต้องทำอะไรบ้าง แต่นั้นเป็นในส่วนของการเตรียมตัวและเตรียมงาน
แต่เมื่อมาอยู่หน้ากอง ผู้กำกับคือผู้ที่กำหนดทิศทางของหนังให้เป็นไปตามใจที่เขาหรือเธอผู้นั้นต้องการโดยสิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับแต่ล่ะคนจำเป็นจะต้องมีขาดไปไม่ได้เป็นอันขาดนั่นคือสมาธิครับการจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอยู่ตรงหน้างานที่ว่านั้นก็หมายถึงคอยควบคุมนักแสดงกำกับให้เขาแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติเป็นไปตามบทบาทที่เราได้สร้างขึ้นและยังรวมไปถึงงานอื่นๆ เช่น การดูว่าตากล้องสามารถถ่ายภาพวางมุมกล้องออกมาได้อย่างที่เคยมีการตกลงกัน ก่อนหน้านี้ไหมหรือว่าเสียงใช้ได้หรือเปล่าตัวละครมีบทพูดตรงตามที่เขียนไว้ไหม?จงจำไว้นะครับว่าจะต้องมีสมาธิอยู่ตลอดระหว่างการทำงานหายไปไม่ได้เลย อีกอย่างที่ต้องมีนอกเหนือจากสมาธิก็คือความใจเย็นครับ เพราะบางครั้งที่นักแสดงอาจจะแสดงไม่ได้ดั่งใจหรือของประกอบฉากหาย ทางทีมศิลป์ต้องวิ่งไปหาเอาใช้เวลานานไหนจะพวกเสียงรถยนต์วิ่งผ่านสถานที่ถ่ายทำต้องรอให้เงียบเสียงไปเสียก่อนเจอแบบนี้หากคนไม่อดทนก็มีสิทธิ์น็อตหลุดเอาได้ง่ายๆเหมือนกันฉะนั้นต้องอาศัยเอาน้ำเย็นเข้าลูบตัวเองไว้ตลอดคอยเตือนตัวเองว่าโกรธคือโง่โมโหคือบ้าและการแสดงอารมณ์เสียใส่ใครต่อใครในกองถ่าย อาจจะทำให้ทุกๆคนในกองถ่ายเกิดอาการจิตตกด้วยกันทั่วหน้า พลอยทำให้บรรยากาศในกองถ่ายเปี่ยมไปด้วยความเครียดกันไปหมด แบบนี้ไม่ดีแน่งานอาจจะยังคงเดินอยู่ แต่สำหรับการที่ต้องร่วมมือกันโดยอาศัยความถ้อยทีถ้อยอาศัยหากไร้ซึ่งตรงนี้แล้วต่อไปโอกาสจะกลับมาร่วมงานกันได้อีกก็คงเป็นไปได้ยาก
...นอกเหนือจากใจเย็นแล้ว ความมีน้ำใจยังสำคัญอีกเช่นกันความมีน้ำใจที่ผมว่าก็หมายถึง การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เช่น ถ้าเห็นว่านักแสดงเริ่มเหนื่อย ก็อาจจะถามว่า “พักดื่มน้ำหน่อยไหม?”หรือเมื่อเลิกถ่ายแล้วก็กล่าวขอบคุณทีมงานที่ได้มาช่วยกันทำหนัง การแสดงความรู้สึกเช่นนี้ออกมา จะช่วยตอกย้ำภาพอันน่าประทับใจในตัวคุณไปยังทีมงานทุกๆคนถ้าคุณทำหนังเรื่องต่อไปก็หนีไม่พ้นว่าเขาเหล่านี้พร้อมจะมาช่วยคุณอีก สามประเด็นข้างต้นที่อยากให้ผู้กำกับใส่ใจไว้ ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้น และไม่ละทิ้งมันไประหว่างทาง
การกำกับก็คือการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคนที่เราร่วมงานด้วยออกมาโดยในขณะเดียวกัน เราก็จะต้องดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเราออกมาให้เขาเห็นเช่นกัน แสดงให้ทีมงานเห็นถึงความทุ่มเทของเราให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจในตัวเรา ถึงค่อยคิดที่จะก้าวต่อไป แล้วเราจะดึงความสามารถของคนอื่นออกมาได้อย่างไรก็อาศัยการหว่านล้อม
ชักจูงด้วยคำพูด ด้วยจิตวิทยา
2.ผู้ช่วยผู้กำกับ มีหน้าที่เป็น “แขนขา” ของผู้กำกับ เพราะในขณะที่ผู้กำกับกำลังคิดถึงงานที่อยู่ตรงหน้าผู้ช่วยฯก็จะมาคิดถึงการทำให้งานมันเดินหน้าไปได้ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือการลดภาระของผู้กำกับลงไป เพราะแทนที่จะต้องมานั่งคิดว่าต่อไปจะต้องถ่ายฉากไหนแล้วมีใครเข้าฉากบ้างฉากนี้ควรจะถ่ายถึงกี่โมงเพื่อให้เสร็จภายในเวลาที่มีอยู่ นักแสดงแต่งหน้าอยู่เมื่อต้องเข้าฉากผู้ช่วยฯก็เป็นคนไปตามนักแสดงนั้นๆ เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยแหละที่จะต้องคิด
ผู้ช่วยผู้กำกับต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ประการแรกต้องใจเย็น มีความอดทน
เพราะการต้องประสานงานกับหลายๆฝ่ายอาจจะทำให้มีเรื่องกระทบกระทั่งบ้างก็ต้องขันติเข้าข่มไว้ และอีกอย่างคือ
จะต้องมีความตื่นตัวต่อทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาไม่หลุกหลิกไปกับสิ่งเร้าอื่นใด และนอกจากนี้ก็ยังจะต้องมีความคล่องตัว รวดเร็ว ฉับไว และที่สำคัญอีกอย่างคือ จะต้องรู้ทุกอย่างที่ผู้กำกับคิดและรู้เกี่ยวกับหนังที่กำลังทำอยู่ เพราะว่าผู้ช่วยฯจะต้องคอยตอบคำถามแทนผู้กำกับให้แก่ทีมงานฝ่ายอื่นๆ ได้รับรู้
3.ผู้จัดการกองถ่าย หลักๆ คือดูแลเรื่องการเงิน ว่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่แล้วคอยให้คำแนะนำ (แกมบังคับ) แก่ทีมงานว่า ควรจะใช้งบเท่าไหร่เพื่อการซื้อหรือทำอะไรสักอย่างว่าง่ายๆ ก็คือหน้าที่ควบคุมให้ระบบการเงินในกองถ่ายราบรื่น เป็นไปด้วยความเหมาะสมตามงบที่มีอยู่ หน้าที่นี้จำเป็นจะต้องอาศัยผู้มีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน และมีสายตาที่ปราดเปรียวว่องไวเมื่อเห็นอะไรที่ผิดปรกติ เช่น กำลังจะมีคนใช้เงินเกินงบทั้งๆ ที่สามารถประหยัดได้มากกว่านั้น ผู้จัดการกองถ่ายจะต้องรู้ก่อนและแก้ไขได้ทันท่วงที
4.ตากล้อง/ผู้กำกับภาพ ไม่ใช่แค่เอากล้องมาวางแล้วก็ถ่ายอย่างเดียวนะครับ แต่จะต้องตีความตามบทหนังที่อ่าน
และถ้ามีสตอรี่บอร์ดก็ต้องถ่ายตามนั้น โดยที่จะต้องช่วยเหลือด้านเทคนิคเพื่อให้ได้ภาพอย่างที่ผู้กำกับต้องการ หรือหากภาพที่วางไว้ในสตอรี่บอร์ดมันเกิดไม่ใช่ นั่นแปลว่าผู้กำกับภาพต้องรู้เรื่ององค์ประกอบภาพ (การวางตำแหน่งวัตถุต่างๆ เวลาอยู่ในเฟรมให้ดูดี) รวมถึงรู้วิธีเลือกใช้ขนาดภาพให้เหมาะสมในฉากที่กำลังถ่ายๆอยู่และสามารถหาหนทางอื่นมาเป็นทางออกให้แก่ผู้กำกับได้ แต่แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วดวงตาของผู้กำกับภาพ ย่อมจะต้องเป็นดวงตาอันเดียวกับของผู้กำกับ
5.คนบันทึกเสียง สำคัญไม่น้อยกว่าภาพเลย เพราะถ้าเสียงไม่ดีฟังที่ตัวละครพูดไม่รู้เรื่องนี้จบกัน คนบันทึกเสียงไม่ได้แค่ทำหน้าที่บันทึกเสียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคอยช่วยผู้กำกับดูว่า ก่อนถ่ายเมื่อไปดูสถานที่ ก็จะบอกได้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับการอัดเสียงเพื่อที่จะแก้ไขได้ หรือระหว่างถ่าย ก็คอยดูว่าช่วงไหนอัดเสียงได้ไม่ได้ เพื่อที่จะสามารถทำให้ได้เนื้อเสียงที่มีคุณภาพดีไปใช้ในการทำงานด้านpost production
6.ผู้กำกับศิลป์ มีหน้าที่ช่วยให้งานฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากได้ดังภาพที่ผู้กำกับคิดไว้ ไม่ใช่แค่เอาของมาวางๆ จัดฉากเท่านั้น
แต่เช่นเดียวกับตากล้อง ก็จะต้องมีดวงตาที่เห็นเหมือนผู้กำกับเช่นกัน แล้วก็ยังมีอีกหลายหน้าที่
แต่คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้กำกับจำเป็นจะต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าทีมงานก็เหมือนผู้กำกับ หลีกเหลี่ยงการใช้อารมณ์ระหว่างกันได้จะถือว่าดีเลิศที่สุด