การปฐมพยาบาลกรณีถูกสัตว์ทำร้าย : งู(4)
![](/files/u20660/Spitting_20Cobra_20II.jpg)
งูในบ้านเรามีทั้งชนิดมีพิษและไม่มีพิษมากมายหลายชนิด “การถูกงูกัด” ถ้าสามารถตีงูและนำซากมาตรวจว่างูชนิดใดได้ จะทำให้ผู้ถูกกัดได้รับการรักษาที่ถูกต้องยิ่งขึ้น งูพิษ ที่สำคัญ บ้านเรามี 7 ชนิด คือ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทะเล งูกะปะ งูแมวเซา และงูเขียวหางไหม้ พิษของงูมีพิษ แต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อถูกกัดจึงต้องควรรู้ชนิดของงู เพื่อที่จะฉีดเซรุ่มแก้พิษได้ถูกต้อง พิษของงูพิษมีผลต่อร่างกาย คือ
1. ระบบประสาท ทำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ ตาพร่า ลืมตาไม่ขึ้น พูดไม่ชัด แน่นหน้าอก และหยุดหายใจ |
2. ระบบเลือด เม็ดเลือดถูกทำลาย ทำให้มีเลือดออกในอวัยวะต่าง ๆ และปัสสาวะมีสีดำ |
3. กล้ามเนื้อ ทำให้ปวดกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก บางรายอ้าปากไม่ขึ้น |
4. ระบบอื่น ๆ ทำให้แผลเน่า ความรุนแรงของพิษขึ้นอยู่กับชนิดของงูพิษ งูทะเลมีพิษรุนแรงที่สุด รองลงมา คือ งูเห่า งูจงอาง งูแมวเซา งูเขียวหางไหม้ |
“งูมีพิษ” และ “งูไม่มีพิษ” เมื่อกัดจะมีความแตกต่างกันในลักษณะของแผล ดังนี้
- งูไม่มีพิษ จะเห็นเป็นรอยถลอก หรือรอยถาก ๆ เท่านั้น
- งูมีพิษ จะมี “รอยเขี้ยว” เป็นจุดสองจุด และมีเลือดออกซิบ ๆ
เมื่อถูก “งูกัด” ให้ปฏิบัติดังนี้
1. บอกให้ผู้ที่ถูกงูกัด อย่าตกใจ
15 นาที โดยคลายนานครั้งละ 1 นาที เพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปสู่ปลายของอวัยวะที่ถูกกัด เช่น แขน หรือขาได้
5.1 กรีดแผล เพระอาจติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
5.2 ใช้ปากดูดเลือด เพราะพิษงูจะเข้าสู่ร่างกายของผู้ดูดได้เช่นกัน
5.3 ให้เครื่องดื่มที่กระตุ้นประสาท เช่น น้ำชา กาแฟ สุรา เพราะจะทำให้พิษกระจายเข้าสู่หลอดเลือดเร็วเข้า
5.4 ให้ยากระตุ้นประสาท