อุปกรณ์ในการถ่ายรูป
ขาตั้งกล้อง(Tripod)
[ http://www.arowanacafe.com/webboard/pictures/1140494056.jpg ]
ขาตั้งกล้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งกล้อง เพื่อให้กล้องยึดกับขาตั้งให้นิ่งและมั่นคง
จำเป็นสำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงสว่างน้อย ที่ต้องการใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ
เพื่อให้ได้รับแสงนานๆ หรือการถ่ายภาพระยะไกลที่ใช้เลนส์ถ่ายไกล
โดยเฉพาะที่มีความยาวโฟกัสสูงๆ ภาพจะมีช่วงความชัดต่ำ หรือการถ่ายภาพระยะใกล้
โดยใช้เลนส์แมโครจำเป็นต้องให้กล้องนิ่งไม่สั่นไหว หรือการถ่ายภาพไฟประดับตามอาคารร้านค้า
ตามท้องถนน เวลากลางคืนที่ต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ B
สายลั่นไก(Cable release)
[ http://www.usedshoponline.com/file/8764.jpg ]
อุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กันไปกับขาตั้งกล้อง หรือแท่นก๊อปปี้ภาพ คือสายลั่นไก
ทำหน้าที่กดชัตเตอร์แทนนิ้วมือของผู้ถ่ายภาพโดยมีเกลียวขันต่อกับปุ่มกดชัตเตอร์
ทั้งนี้เพื่อให้การกดชัตเตอร์เป็นไปอย่างนิ่มนวล สายลั่นไกมีอยู่หลายแบบ
เช่น สายยาง สามารถถ่ายจากที่สูงหรือที่อยู่ไกลจากกล้องได้
เครื่องวัดแสง(Light meter)
เครื่องวัดแสงเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการถ่ายภาพ
เป็นเครื่องมือที่จะคำนวณปริมาณของแสงที่ถูกต้อง
สามารถบอกเป็นตัวเลขของช่องรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
กล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่ๆ จะมีเครื่องวัดแสงติดมากับตัวกล้อง (Exposure meter)
ซึ่งมีวัสดุที่ทำหน้าที่เปลี่ยนแสงให้เป็นไฟฟ้าอยู่ 4 ชนิด คือ
1. เซลล์แคดเมียมซัลไฟด์ (CDS) มีขนาดเล็ก
มีความไวแสงมากกว่าเซลล์ซีลีเนียม ใช้ได้ดีในที่ๆ มีแสงน้อย
2. เซลล์ซีลีเนียม
3. เซลล์ซีลิคอน (SPD) มีขนาดเล็ก และมีความไวแสงมากกว่าเซลล์แคดเมียม
ถือได้ว่าเป็นเซลล์ไวแสงที่เหมือนตามนุษย์มากที่สุด
4. เซลล์แกลเลี่ยม เป็นเซลล์ที่มีความไวในการวัดแสงได้ดีมาก
นิยมใช้แทนเซลล์ซิลิคอนเพราะว่ามีราคาถูกกว่าและคุณสมบัติที่เหนือกว่า
เครื่องวัดแสงที่ติดตั้งในตัวกล้อง แบ่งได้เป็น 2 พวก คือ
1. ตัววัดแสงอยู่ภายนอกตัวกล้อง อาจใช้ซีลีเนียมหรือแคดเมียมซัลไฟด์
มีขนาดและรูปร่างต่างๆ ส่วนมากจะติดอยู่ที่ตัวเลนส์หรือรอบวงแหวนของเลนส์
2. ตัววัดแสงอยู่ภายในกล้อง และวัดแสงที่หักเหผ่านเลนส์ (Through the lens)
หรือ TTL มักใช้แคดเมียมซัลไฟด์เพราะมีขนาดเล็กและความไวแสงสูง
สามารถวัดแสงได้ถูกต้องและแม่นยำ มักติดตั้งเซลล์วัดแสงที่ตัวปริซึมห้าเหลี่ยม
หรือใต้ช่องกระจกสะท้อนภาพ เครื่องวัดแสงแบบ TTL มีระบบในการวัดอยู่ 3 แบบ
วัดแสงเฉพาะตรงส่วนกลาง (Center spot) เป็นการวัดแสงในเนื้อที่เล็กๆ
เฉพาะส่วนที่ต้องการ ทำให้การวัดแสงถูกต้องดีมาก
แบบเฉลี่ยแสงทั่วทั้งภาพ (Full area everaging) เซลล์วัดแสงจะรับแสงสะท้อน
จากวัตถุทั้งหมดแล้วเฉลี่ยปริมาณของแสง
แบบเฉลี่ยแสงแบบกลางภาพ (Center weighted) เป็นการผสมกันระหว่าง
วัดเฉพาะส่วนกลางกับวัดเฉลี่ยแสงทั่วทั้งภาพ ให้ผลการวัดแสงถูกต้องดีมากที่สุด
ไฟแวบหรือแฟลช(Flash)
ในการถ่ายภาพในที่ๆ มีแสงน้อย เช่น เวลากลางคืน หรือกลางวันที่มีแสงไม่เพียงพอในการถ่ายภาพ
เราจำเป็นต้องใช้แฟลชเข้าช่วย นอกจากเป็นการเพิ่มแสงสว่างให้แก่วัตถุแล้ว
ยังสามารถใช้แฟลชเพื่อลบเงาและปรุงแต่งแสงให้ดูนิ่มนวลยิ่งขึ้น แฟลชมีอยู่ 2 ชนิด คือ
1. แฟลชบัลบ์ (Flash bulb) เป็นหลอดแฟลชที่ภายในหลอดมีไส้หลอด
แต่ละหลอดจะจุดสว่างได้เพียงครั้งเดียว เมื่อใช้แล้วต้องเปลี่ยนหลอดใหม่ทุกครั้ง
2. แฟลชอิเล็กทรอนิคส์ (Electronic flase) เป็นแฟลชที่นิยมใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันตัวหลอด
ทำด้วยแก้วใสประเภทควอทซ์ (Quartz) ภายในมีไส้หลอดบรรจุด้วยก๊าซซีนอน (Xenon)
ให้อุณหภูมิสีเหมือนสีของแสงจากดวงอาทิตย์ (ประมาณ 5500K - 6000K) ดังนั้นฟิล์มสีประเภท Day light
เมื่อนำมาถ่ายภาพด้วยแสงอิเล็กทรอนิคส์แฟลชแล้ว จะให้สีที่ถูกต้องเหมือนสีธรรมชาติ
แฟลชชนิดนี้สามารถจุดให้หลอดสว่างได้ถึง 10,000 ครั้ง โดยอาศัยพลังงานจากกระแสไฟฟ้า AC หรือแบตเตอรี่แห้ง
สำหรับแบตเตอรี่แห้งที่ใช้กันทั่วไป มีขนาดเล็กทำด้วย Alkaline ถ่ายภาพได้กว่า 100 ภาพต่อแบตเตอรี่ 1 ชุด
และถ้าเป็นแบบ Nickel cadmium เมื่อใช้ไฟหมดสามารถนำมาประจุไฟใหม่ด้วยกระแสไฟ AC
การประจุไฟแต่ละครั้งสามารถนำไปถ่ายได้เกินกว่า 50 ภาพ
ที่บังแสงของเลนส์(Lens shade หรือ Hood)
[ http://klongtairoob.files.wordpress.com/2009/09/hoodnikonhb-32.jpg ]
ที่บังแสงของเลนส์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สวมไว้หน้าเลนส์มีทั้งชนิดเป็นโลหะ
และเป็นยาง ทำหน้าที่ป้องกันแสงที่ไม่ต้องการเข้าไปในเลนส์
อาจทำให้ภาพมีรอยแสงด่างไม่สวยงาม