นิทานพื้นบ้าน
ต่อมาไอ้ศรีธนญชัยก็ไปพบเจ้าเมืองเข้าอีก มันพูดว่า “คนอย่างเจ้าเมืองนี่ถ้าไปเที่ยวบ้านข้าไม่ฟ้อนรำละก็ต้องเข็ดแน่ ๆ ”
“ โธ่ ไอ้ศรีธนญชัย คนอย่างกูนี่น่ะหรือจะไปฟ้อนรำทำไมที่บ้านมึง ”
“ไม่เชื่อก็ขอเชิญไปทีเถอะน่า ” บ้านไอ้ศรีธนญชัยอยู่คนละฝั่งคลอง มีไม้พาดข้ามสะพานเท่าลำแขนเท่านั้น
เมื่อเจ้าเมืองเดินข้ามสะพานไม้นี้ก็เดินเอี้ยวไปเอี้ยวมา มือไม้ก็กางออกไป
ไอ็ศรีธนญชัยก็ว่า “นี่ไงล่ะเจ้าเมืองท่านฟ้อนรำหรือไม่ล่ะ” ก็เป็นอันว่าเจ้าเมืองถูกไอ้ศรีธนญชัยหลอกเอาอีกครั้งหนึ่ง
ไอ้ศรีธนญชัยก็บอกว่า “ถ้าหากเข้าไปอีกหน่อยนะจะถึงประตูบ้านข้า ถ้าหากเจ้าเมืองไม่ไหว้เข้าไปละก็ข้าว่าเข็ดแน่ ๆ เลย ‘’
เจ้าเมืองก็ว่า “ คนอย่างกูนี่นะหรือจะไปไว้มึง ” เอาเถอะน่า ลองดูก็แล้วกัน บ้านไอ้ศรีธนญชัยนั้นอยู่ในป่าหญ้าคา
หาทางเข้าไปลำบากแทบมองไม่เห็นทาง เพราะต้นหญ้าคาขึ้นทึบไปหมด ก็ต้องใช้มือแหวกหญ้าเข้าไปเรื่อย ๆ
ศรีธนญชัยเห็นดังนั้นก็ร้องว่า “ นี่ไงล่ะเจ้าเมืองไหว้หรือไม่ไหว้ล่ะ ” เจ้าเมืองก็ต้องแพ้ศรีธนญชัยอีกครั้งหนึ่ง
ศรีธนญชัยก็พูดต่อไปอีกว่า “หากเจ้าเมืองเข้าไปในบ้านข้าแล้วไม่ทำความเคารพเสียก่อนก็เห็นจะต้องเข็ดแน่ ๆ ”
“ไอ้ศรีธนญชัยเอ๊ย คนอย่างกูนะหรือจะทำความเคารพบ้านมึง ”
“ เอาเถอะน่า ” พอไปถึงบ้านของศรีธนญชัยแล้วประตูบ้านเตี้ยมากเพราะเป็นกระท่อมเล็ก ๆ
เจ้าเมืองไปถึงก็ต้องก้มหัวลอดเข้าไป
ศรีธนญชัยได้ทีเลยพูดว่า “ นั่นไงล่ะท่านเจ้าเมืองกำลังทำความเคารพบ้านข้าแล้ว ”
ในที่สุดเจ้าเมืองก็พูดขึ้นว่า “ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถ้าแผ่นดินนี้ไม่กลับข้างล่างมาเป็นข้างบนละก็ ไอ้ศรีธนญชัยมึงอย่าได้ย่างเหยียบ
เข้ามาบ้านเมืองกูอีกนะ มึงจงออกจากบ้านเมืองกูไปเสีย ”