การไม่กินอาหารเช้า เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยปฎิบัติ
อยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วง
07.00-09.00 น. ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุงส่งไป
เลี้ยงสมอง ถ้าไม่กินข้าวเช้า ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจน ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองต้องการกรดอะมิโน
ไปบำรุงเซลล์สมอง รวมถึงวิตามิน B1,B6,B12 มื้อเช้าถ้าไม่มีเวลาจริงๆก็ควรกิน โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว
และกล้วยน้ำหว้า 1 ลูก

สาเหตุที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย

- กระดูกคอข้อที่1 เคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
- กินอาหารที่ผัดน้ำมันบ่อยเป็นเวลานาน แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
เพราะระบบดูดซึมเสีย และถุงน้ำดีข้น
- มีพยาธิในลำไส้ หรือพยาธิที่ผิวหนังจะกัดกินเลือดในร่างกาย
- การไม่กินอาหารเช้าก็เป็นสาเหตุให้เลือดไม่เลี้ยงสมอง

ถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ หรือเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย จะเริ่มมีอาการ ดังนี้
ผมร่วง คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ ฝันบ่อย ปวดไหล่ ปวดหัวข้างเดียว ปวดหู
เจ็บคอ วิตกกังวลง่าย หรืออาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายๆอย่างพร้อมกัน

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย วันข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ
เป็นเหตุให้ ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อม ปัสสาวะบ่อย หน้าเป็นฝ้า หน้าดำ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย จะมีอาการ ง่วงนอนบ่อย หรือ ง่วงนอนทั้งวัน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ขี้โมโห ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม เริ่มจำไม่ค่อยได้ แต่ความจำระยะยาว คือเรื่องเก่าๆ ยังจำได้ ส่วนความจำระยะสั้น คือเรื่องใหม่ๆในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆลืม พูดวนไปวนมา ความจำจะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลังได้น้อย จะมีอาการ แขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนตื่นนอนบางครั้ง จะมีอาการแขนขาตาย
เหมือนผีอำ ขยับตัวไม่ค่อยได้

• วิธีดูแลสมอง
• ผลเสียของการไม่รับประทานอาหารมื้อเช้า