• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d2ea4cc702413f99730092b385892156' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n <span style=\"font-size: xx-large\"><span style=\"color: #ff6600\"><u><span style=\"color: #ff6600\">ไตรภูมิพระร่วง</span></u></span> </span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              ไตรภูมิพระร่วง หรือ <span style=\"color: #0000ff\">“ไตรภูมิกถา”</span> พระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ท่าน</span><span style=\"color: #3366ff\">ทรงเป็นนักปราชญ์และนักการปกครอง มีพระปรีชารอบรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก อรรถกถาฎีกา อนุฏีกา และปกรณ์พิเศษต่างๆ พระองค์ยังเชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ และไสยศาสตร์จนถึงขั้นทรงบัญญัติคัมภีร์ศาสตราคมเป็นปฐมธรรมเนียมสืบต่อมา ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ต่างๆทางพระพุทธศาสนามากกว่า 30 คัมภีร์ มีเนื้อหากล่าวถึงจักรวาลวิทยา ปรัชญา จริยศาสตร์ ชีววิทยาและความคิดความเชื่อทางพุทธศาสนา โดยแสดงหลักธรรมที่สำคัญคือ การละเว้นความชั่วประกอบกรรมดี  เป็ยกลวิธีการสอนประชาชนให้ยึดมั่นในคำสอนทางศาสนา เกรงกลัวต่อบาป ประกอบแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              สาระสำคัญคืือการพรรณนาถึงเรื่องการเกิดการตายของสัตว์ทั้งหลายว่า<em> </em><span style=\"color: #0000ff\"><em>“ </em>เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิทั้งสาม คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ด้วยอำนาจของบุญและบาปที่ตนได้กระทำแล้ว ไตรภูมิ หรือ ภูมิทั้งสาม รวมทั้งการกำเนิดและการตายของสัตว์&quot;</span></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"><span style=\"color: #0000ff\"><u>ภูมิที่ 1 : กามภูมิ</u>    </span></span><span style=\"color: #3366ff\">ที่ตั้งแห่งความใคร่ แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ อบายภูมิและสุคติภูมิ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              1. อบายภูมิ คือแดนแห่งความเสื่อม  แบ่งออกเป็น 4 ภูมิ ได้แก่ </span><span style=\"color: #3366ff\">นรกภูมิ , </span><span style=\"color: #3366ff\">ติรัจฉานภูมิ , </span><span style=\"color: #3366ff\">เปรตภูมิ , </span><span style=\"color: #3366ff\">อสูรกาย </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  นรกภูมิ    เป็นที่ตั้งของสัตว์ที่ทำบาป ต้องไปรับทัณฑ์ทรมานนานาประการ แบ่งออกเป็น 8 ขุม คือ  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  (1) สัญชีพนรก         (5) มหาโรรุวะนรก  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  (2) กาฬสุตตนรก       (6) ตาปนรก   </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  (3) สังฆาฏนรก         (7) มหาตาปนรก </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  (4) โรรุวะนรก           (8) อวีจีนรก หรือ อเวจีนรก</span><span style=\"color: #3366ff\">  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  ในแต่ละนรกยังมีนรกบริวาร เช่น นรกขุมที่ชื่อโลหสิมพลี เป็นนรกบริวารของสัญชีพนรก ผู้ที่เป็นชู้กับสามีหรือภริยาผู้อื่นจะมาตกนรกขุมนี้  จะถูกนายนิรบาลไล่ต้อนให้ขึ้นต้นงิ้วที่สูงต้นละหนึ่งโยชน์ มีหนามเป็นเหล็กร้อนจนเป็นสีแดงมีเปลวไฟลุกโชนยาว ๑๖ นิ้ว ชายหญิงที่เป็นชู้กันต้องปีนขึ้นลง โดยมีนายนิรบาลเอาหอกแหลมทิ่มแทงให้ขึ้นลงวนเวียนอยู่เช่นนี้นับร้อยปีนรก</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  สำหรับผู้ที่ทำบาป แต่ไม่หนักพอที่จะตกนรก ก็ไปเกิดในที่อันหาความเจริญมิได้ เช่น เกิดเป็นเปรต อสูรกาย เดรัจฉาน ส่วนพวกที่พ้นโทษจากนรกแล้วยังมีเศษบาปติดอยู่ก็ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็นมนุษย์ที่ทุพพลภาพพิกลพิการ ตามความหนักเบาของบาปที่ตนได้ทำไว้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              2. สุคติภูมิ  เป็นส่วนของกามาพจรภูมิ หรือ กามสุคติภูมิ แบ่งออกเป็น 7 ชั้น คือ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  มนุษย์ภูมิ 1 และสวรรค์ 6 ชั้นรวมเรียกว่า “ฉกามาพจร” ได้แก่ </span><span style=\"color: #3366ff\">จตุมหาราชิกาภูมิ ตาวติงสาภูมิ (ดาวดึงส์-ไตรตรึงษ์) ยามาภูมิ ตุสิตาภูมิ (ดุสิต)  นิมมานรดีภูมิ และ ปรนิมมิตวสวัตดีภูมิ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                  กามาพจรภูมิทั้งเจ็ดชั้น เป็นที่ตั้งอันเต็มไปด้วยกาม เป็นที่ท่องเที่ยวของสัตว์ที่ลุ่มหลงอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นอารมณ์อันพึงปรารถนา เมื่อรวมกับอบายภูมิอีกสี่ชั้นเรียกว่า กภูมิสิบเอ็ดชั้นสาม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"><u><span style=\"color: #0000ff\">ภูมิที่ 2 : รูปภูมิ</span></u>     หรือรูปาวจรภูมิ ได้แก่ รูปพรหมสิบหกชั้น เริ่มตั้งแต่พรหมปริสัชชาภูมิ ที่อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นหก คือ ปรนิมมิตวสวัตดี มากจนนับระยะทางไม่ได้ อุปมาไว้ว่าสมมติมีหินก้อนใหญ่เท่าโลหะปราสาทในลังกาทวีป ถ้าทิ้งหินก้อนนี้ทิ้งลงมาจากชั้นพรหมปริสัชชาภูมิ ต้องใช้เวลาถึงสี่เดือนจึงจะตกลงถึงพื้น</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                       จากพรหมปริสัชชาภูมิขึ้นไปถึงชั้นที่สิบเอ็ด ชื่อชั้นอสัญญีภูมิ เป็นรูปพรหมที่มีรูปแปลกออกไปจากพรหมชั้นอื่นๆ คือ พรหมชั้นอื่นๆ มีรูป มีความรู้สึก เคลื่อนไหวได้ แต่พรหมชั้นอสัญญีมีรูปที่ไม่ไหวติง ไร้อริยาบท โบราณเรียกว่า พรหมลูกฟัก ครั้นหมดอายุ ฌานเสื่อมแล้วก็ไปเกิดตามกรรมต่อไป</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                        รูปพรหมที่สูงขึ้นไปจากอสัญญีพรหมอีกห้าชั้นเรียกว่า ชั้นสุทธาวาส หมายถึงที่อยู่ของผู้บริสุทธิ ผู้ที่จะไปเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสคือ ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระอนาคามี คือเป็นผู้ที่ไม่กลับมาสู่โลกนี้ต่อไป ทุกท่านจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วนิพพานในชั้นสุทธาวาสนี้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"><u><span style=\"color: #0000ff\">ภูมิที่ 3  : อรูปภูมิ</span></u>     หรืออรูปาพาจรภูมิ มี 4 ชั้น เป็นพรหมที่ไม่มีรูปปรากฏ ผู้ที่ไปเกิดในภูมินี้คือผู้ที่บำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุฌานโลกีย์ชั้นสูงสุด เรียกว่าอรูปฌานซึ่งมีอยู่สี่ระดับได้แก่ผู้ที่บรรลุอากาสานัญจายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาอากาศเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในอากาสานัญจายตะภูมิ ผู้ที่บรรลุวิญญาณัญจายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาวิญญาณเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในวิญญาณัญจายตะภูมิ ผู้ที่บรรลุอากิญจัญญายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาความไม่มีเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในอากิญจัญญาตนะภูมิ และผู้ที่บรรลุเนวสัญญานสสัญญายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาฌานที่สามให้ละเอียดลงจนเป็นผู้มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีญาก็มิใช่) จะไปเกิดในแนวสัญญานาสัญญายตนะภูมิ พรหมเหล่านี้เมื่อเสื่อมจากฌานก็จะกลับมาเกิดในรูปพรหมภูมิ หรือภูมิอื่นๆได้เช่นกัน</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\"><u>การกำเนิดและการตายของสัตว์</u>     </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">              </span><span style=\"color: #3366ff\">การเกิดของสัตว์ในสามภูมิมีอยู่ 4  อย่างด้วยกันคือ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              1.   ชลาพุชะ   เกิดในครรภ์  เช่น  มนุษย์และสัตว์เดรัจฉานบางชนิดที่เลี้ยงลูกด้วยนม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              2.   อัณฑชะ    เกิดในไข่  ได้แก่  สัตว์เดรัจฉานบางชนิด เช่น นก สัตว์เลื้อยคลานบางชนิด ปลา </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              3.   สังเสทชะ  เกิดในเถ้าไคล ได้แก่  สัตว์ชั้นต่ำบางชนิดที่ใช้การแบ่งตัวออกไป   เช่น   ไฮดรา   อมิบา</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              4.  โอปาติกะ   เกิดขึ้นเอง เมื่อเกิดแล้วก็จะสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อตายไปจะไม่มีซาก ได้แก่ เปรต อสูรกาย เทวดา และพรหม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">                                          </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              การตายของสัตว์ การตายมีสาเหตุสี่ประการด้วยกันคือ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              1.  อายุขยะ    เป็นการตายเพราะสิ้นอายุ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              2.  กรรมขยะ    เป็นการตายเพราะสิ้นกรรม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              3.  อุภยขยะ    เป็นการตายเพราะสิ้นทั้ง อายุ และสิ้นทั้งกรรม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              4.  อุปัจเฉทกรรมขยะ    เป็นการตายเพราะอุบัติเหตุ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              นอกจากนั้นแล้วมีการกล่าวถึงสิ่งต่างๆในโลกและในจักรวาล มีภูเขาพระสุเมรุราชเป็นแกนกลาง แวดล้อมด้วยกำแพงน้ำสีทันดรสมุทร และ ภูเขาสัตตบรรพต อันประกอบด้วย  ภูเขายุคนธร  อินิมธร  กรวิก สุทัศนะ  เนมินธร  วินันตกะ  อัสสกัณณะ </span><span style=\"color: #3366ff\">กล่าวถึงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวนพเคราะห์ และดารากรทั้งหลายในจักรวาล เป็นเครื่องบ่งบอกให้รู้วันเวลาฤดูกาล และเหตุการณ์ต่างๆ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              กล่าวถึงทวีปทั้งสี่ที่ตั้งอยู่รอบภูเขาพระเมรุมาศ ชมพูทวีปอยู่ทางทิศใต้กว้าง ๑๐,๐๐๐ โยชน์  มีปริมณฑล ๓๐๐,๐๐๐ โยชน์ มีแผ่นดินเล็กล้อมรอบได้ ๕๐๐ มีแผ่นดินเล็กอยู่กลางทวีปใหญ่สี่ผืน เรียกว่า สุวรรณทวีป กว้างได้ ๑,๐๐๐ โยชน์ มีประมณฑล ๓๐,๐๐๐ โยชน์ เป็นเมืองที่อยู่ของพญาครุฑ</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"><u><span style=\"color: #0000ff\">การกำหนดอายุของสัตว์และโลกทั้งสามภูมิ</span></u> มี กัลป์ มหากัลป์ การวินาศ การอบัติ การสร้างโลก สร้างแผ่นดินตามคติของพราหมณ์</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\">              ท้ายสุดของภูมิกถา เป็นนิพพานคถาว่าด้วยนิพพานสมบัติของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย วิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุพระนิพพาน อันเป็นวิธีตามแนวทางของพระพุทธศาสนา</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"></span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #3366ff\"></span><span style=\"color: #3366ff\"></span></p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/43124\"><img border=\"0\" width=\"70\" src=\"/files/u20091/house.gif\" height=\"70\" /></a>  <a href=\"/node/43411\"><img border=\"0\" width=\"125\" src=\"/files/u20091/menu_xmas02.gif\" height=\"23\" /></a>  <a href=\"/node/43941\"><img border=\"0\" width=\"69\" src=\"/files/u20091/z-back2.gif\" height=\"45\" /></a>\n</p>\n<p></p>\n', created = 1728293185, expire = 1728379585, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d2ea4cc702413f99730092b385892156' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ไตรภูมิพระร่วง

 ไตรภูมิพระร่วง

 

              ไตรภูมิพระร่วง หรือ “ไตรภูมิกถา” พระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ท่านทรงเป็นนักปราชญ์และนักการปกครอง มีพระปรีชารอบรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก อรรถกถาฎีกา อนุฏีกา และปกรณ์พิเศษต่างๆ พระองค์ยังเชี่ยวชาญในวิชาโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ และไสยศาสตร์จนถึงขั้นทรงบัญญัติคัมภีร์ศาสตราคมเป็นปฐมธรรมเนียมสืบต่อมา ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าคัมภีร์ต่างๆทางพระพุทธศาสนามากกว่า 30 คัมภีร์ มีเนื้อหากล่าวถึงจักรวาลวิทยา ปรัชญา จริยศาสตร์ ชีววิทยาและความคิดความเชื่อทางพุทธศาสนา โดยแสดงหลักธรรมที่สำคัญคือ การละเว้นความชั่วประกอบกรรมดี  เป็ยกลวิธีการสอนประชาชนให้ยึดมั่นในคำสอนทางศาสนา เกรงกลัวต่อบาป ประกอบแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว 

              สาระสำคัญคืือการพรรณนาถึงเรื่องการเกิดการตายของสัตว์ทั้งหลายว่า เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิทั้งสาม คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ด้วยอำนาจของบุญและบาปที่ตนได้กระทำแล้ว ไตรภูมิ หรือ ภูมิทั้งสาม รวมทั้งการกำเนิดและการตายของสัตว์"

 

ภูมิที่ 1 : กามภูมิ    ที่ตั้งแห่งความใคร่ แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ อบายภูมิและสุคติภูมิ

              1. อบายภูมิ คือแดนแห่งความเสื่อม  แบ่งออกเป็น 4 ภูมิ ได้แก่ นรกภูมิ , ติรัจฉานภูมิ , เปรตภูมิ , อสูรกาย

                  นรกภูมิ    เป็นที่ตั้งของสัตว์ที่ทำบาป ต้องไปรับทัณฑ์ทรมานนานาประการ แบ่งออกเป็น 8 ขุม คือ 

                  (1) สัญชีพนรก         (5) มหาโรรุวะนรก 

                  (2) กาฬสุตตนรก       (6) ตาปนรก  

                  (3) สังฆาฏนรก         (7) มหาตาปนรก

                  (4) โรรุวะนรก           (8) อวีจีนรก หรือ อเวจีนรก 

                  ในแต่ละนรกยังมีนรกบริวาร เช่น นรกขุมที่ชื่อโลหสิมพลี เป็นนรกบริวารของสัญชีพนรก ผู้ที่เป็นชู้กับสามีหรือภริยาผู้อื่นจะมาตกนรกขุมนี้  จะถูกนายนิรบาลไล่ต้อนให้ขึ้นต้นงิ้วที่สูงต้นละหนึ่งโยชน์ มีหนามเป็นเหล็กร้อนจนเป็นสีแดงมีเปลวไฟลุกโชนยาว ๑๖ นิ้ว ชายหญิงที่เป็นชู้กันต้องปีนขึ้นลง โดยมีนายนิรบาลเอาหอกแหลมทิ่มแทงให้ขึ้นลงวนเวียนอยู่เช่นนี้นับร้อยปีนรก

                  สำหรับผู้ที่ทำบาป แต่ไม่หนักพอที่จะตกนรก ก็ไปเกิดในที่อันหาความเจริญมิได้ เช่น เกิดเป็นเปรต อสูรกาย เดรัจฉาน ส่วนพวกที่พ้นโทษจากนรกแล้วยังมีเศษบาปติดอยู่ก็ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็นมนุษย์ที่ทุพพลภาพพิกลพิการ ตามความหนักเบาของบาปที่ตนได้ทำไว้

              2. สุคติภูมิ  เป็นส่วนของกามาพจรภูมิ หรือ กามสุคติภูมิ แบ่งออกเป็น 7 ชั้น คือ

                  มนุษย์ภูมิ 1 และสวรรค์ 6 ชั้นรวมเรียกว่า “ฉกามาพจร” ได้แก่ จตุมหาราชิกาภูมิ ตาวติงสาภูมิ (ดาวดึงส์-ไตรตรึงษ์) ยามาภูมิ ตุสิตาภูมิ (ดุสิต)  นิมมานรดีภูมิ และ ปรนิมมิตวสวัตดีภูมิ

                  กามาพจรภูมิทั้งเจ็ดชั้น เป็นที่ตั้งอันเต็มไปด้วยกาม เป็นที่ท่องเที่ยวของสัตว์ที่ลุ่มหลงอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นอารมณ์อันพึงปรารถนา เมื่อรวมกับอบายภูมิอีกสี่ชั้นเรียกว่า กภูมิสิบเอ็ดชั้นสาม

ภูมิที่ 2 : รูปภูมิ     หรือรูปาวจรภูมิ ได้แก่ รูปพรหมสิบหกชั้น เริ่มตั้งแต่พรหมปริสัชชาภูมิ ที่อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นหก คือ ปรนิมมิตวสวัตดี มากจนนับระยะทางไม่ได้ อุปมาไว้ว่าสมมติมีหินก้อนใหญ่เท่าโลหะปราสาทในลังกาทวีป ถ้าทิ้งหินก้อนนี้ทิ้งลงมาจากชั้นพรหมปริสัชชาภูมิ ต้องใช้เวลาถึงสี่เดือนจึงจะตกลงถึงพื้น

                       จากพรหมปริสัชชาภูมิขึ้นไปถึงชั้นที่สิบเอ็ด ชื่อชั้นอสัญญีภูมิ เป็นรูปพรหมที่มีรูปแปลกออกไปจากพรหมชั้นอื่นๆ คือ พรหมชั้นอื่นๆ มีรูป มีความรู้สึก เคลื่อนไหวได้ แต่พรหมชั้นอสัญญีมีรูปที่ไม่ไหวติง ไร้อริยาบท โบราณเรียกว่า พรหมลูกฟัก ครั้นหมดอายุ ฌานเสื่อมแล้วก็ไปเกิดตามกรรมต่อไป

                        รูปพรหมที่สูงขึ้นไปจากอสัญญีพรหมอีกห้าชั้นเรียกว่า ชั้นสุทธาวาส หมายถึงที่อยู่ของผู้บริสุทธิ ผู้ที่จะไปเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสคือ ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระอนาคามี คือเป็นผู้ที่ไม่กลับมาสู่โลกนี้ต่อไป ทุกท่านจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วนิพพานในชั้นสุทธาวาสนี้

ภูมิที่ 3  : อรูปภูมิ     หรืออรูปาพาจรภูมิ มี 4 ชั้น เป็นพรหมที่ไม่มีรูปปรากฏ ผู้ที่ไปเกิดในภูมินี้คือผู้ที่บำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุฌานโลกีย์ชั้นสูงสุด เรียกว่าอรูปฌานซึ่งมีอยู่สี่ระดับได้แก่ผู้ที่บรรลุอากาสานัญจายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาอากาศเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในอากาสานัญจายตะภูมิ ผู้ที่บรรลุวิญญาณัญจายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาวิญญาณเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในวิญญาณัญจายตะภูมิ ผู้ที่บรรลุอากิญจัญญายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาความไม่มีเป็นอารมณ์) จะไปเกิดในอากิญจัญญาตนะภูมิ และผู้ที่บรรลุเนวสัญญานสสัญญายตนะฌาน (ยึดหน่วงเอาฌานที่สามให้ละเอียดลงจนเป็นผู้มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีญาก็มิใช่) จะไปเกิดในแนวสัญญานาสัญญายตนะภูมิ พรหมเหล่านี้เมื่อเสื่อมจากฌานก็จะกลับมาเกิดในรูปพรหมภูมิ หรือภูมิอื่นๆได้เช่นกัน

 

การกำเนิดและการตายของสัตว์    

              การเกิดของสัตว์ในสามภูมิมีอยู่ 4  อย่างด้วยกันคือ

              1.   ชลาพุชะ   เกิดในครรภ์  เช่น  มนุษย์และสัตว์เดรัจฉานบางชนิดที่เลี้ยงลูกด้วยนม

              2.   อัณฑชะ    เกิดในไข่  ได้แก่  สัตว์เดรัจฉานบางชนิด เช่น นก สัตว์เลื้อยคลานบางชนิด ปลา

              3.   สังเสทชะ  เกิดในเถ้าไคล ได้แก่  สัตว์ชั้นต่ำบางชนิดที่ใช้การแบ่งตัวออกไป   เช่น   ไฮดรา   อมิบา

              4.  โอปาติกะ   เกิดขึ้นเอง เมื่อเกิดแล้วก็จะสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อตายไปจะไม่มีซาก ได้แก่ เปรต อสูรกาย เทวดา และพรหม

                                         

              การตายของสัตว์ การตายมีสาเหตุสี่ประการด้วยกันคือ

              1.  อายุขยะ    เป็นการตายเพราะสิ้นอายุ

              2.  กรรมขยะ    เป็นการตายเพราะสิ้นกรรม

              3.  อุภยขยะ    เป็นการตายเพราะสิ้นทั้ง อายุ และสิ้นทั้งกรรม

              4.  อุปัจเฉทกรรมขยะ    เป็นการตายเพราะอุบัติเหตุ

              นอกจากนั้นแล้วมีการกล่าวถึงสิ่งต่างๆในโลกและในจักรวาล มีภูเขาพระสุเมรุราชเป็นแกนกลาง แวดล้อมด้วยกำแพงน้ำสีทันดรสมุทร และ ภูเขาสัตตบรรพต อันประกอบด้วย  ภูเขายุคนธร  อินิมธร  กรวิก สุทัศนะ  เนมินธร  วินันตกะ  อัสสกัณณะ กล่าวถึงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวนพเคราะห์ และดารากรทั้งหลายในจักรวาล เป็นเครื่องบ่งบอกให้รู้วันเวลาฤดูกาล และเหตุการณ์ต่างๆ

              กล่าวถึงทวีปทั้งสี่ที่ตั้งอยู่รอบภูเขาพระเมรุมาศ ชมพูทวีปอยู่ทางทิศใต้กว้าง ๑๐,๐๐๐ โยชน์  มีปริมณฑล ๓๐๐,๐๐๐ โยชน์ มีแผ่นดินเล็กล้อมรอบได้ ๕๐๐ มีแผ่นดินเล็กอยู่กลางทวีปใหญ่สี่ผืน เรียกว่า สุวรรณทวีป กว้างได้ ๑,๐๐๐ โยชน์ มีประมณฑล ๓๐,๐๐๐ โยชน์ เป็นเมืองที่อยู่ของพญาครุฑ

 

การกำหนดอายุของสัตว์และโลกทั้งสามภูมิ มี กัลป์ มหากัลป์ การวินาศ การอบัติ การสร้างโลก สร้างแผ่นดินตามคติของพราหมณ์

              ท้ายสุดของภูมิกถา เป็นนิพพานคถาว่าด้วยนิพพานสมบัติของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย วิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุพระนิพพาน อันเป็นวิธีตามแนวทางของพระพุทธศาสนา

 

   

สร้างโดย: 
นางสาว ชยาดา ฟองทิพย์สุคนธ์ ม.6/7 เลขที่ 5

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 486 คน กำลังออนไลน์