รายงานการพัฒนากิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนากิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อเสริมประสบการณ์
ด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ สำหรับเด็กปฐมวัย
ชั้นอนุบาลปีที่ 2
ผู้รายงาน วิภา ทองแก้ว
ปีที่ศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ และ 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลการจัดประสบการณ์โดยใช้ของกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งต่อ จำนวน 2 ห้องเรียน ได้แก่ ชั้นอนุบาลปีที่ 2/1 จำนวน 15 คน และชั้นอนุบาลปีที่ 2/2 จำนวน 14 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 29 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ เด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2/1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งต่อ จำนวน 15 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ จำนวน 7 ชุด แผนการจัดประสบการณ์ จำนวน 35 แผน และแบบประเมินพัฒนาการด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ จำนวน 4 ชุด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ค่าประสิทธิภาพ และวิเคราะห์ความแตกต่างโดยใช้ t-test (Dependent Samples) ผลการศึกษา พบว่า
1. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 82.98/83.89 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. พัฒนาการด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 หลังการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6009 แสดงว่า จากการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีความก้าวหน้าด้านการทรงตัวและการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อใหญ่ เพิ่มขึ้น 0.6009 หรือคิดเป็นร้อยละ 60.09