ดอกเบี้ยเงินกู้ควรเหลือ 4-5% เท่านั้น

รูปภาพของ pornchokchai

           เร็วๆ นี้มีข่าวว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงแล้ว โดยนำร่องที่ ธนาคารกสิกรไทย กรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ (https://bit.ly/31BbrlO)  ดร.โสภณ ฟังธงว่าปรับน้อยเกินไป  ควรปรับอย่างน้อย 2%

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) แจกแจงรายละเอียดการลดดอกเบี้ยว่า:

            1. ธนาคารกสิกรไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ MOR และ MRR ลง 0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป (ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2562 MOR และ MRR ของธนาคารอยู่ที่ 7.12%)

            2. ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ MOR และ MRR ลง 0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่15 สิงหาคม2562 เป็นต้นไปส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยMOR และMRR ของธนาคารเหลือ6.87% ต่อปี

            3. ธนาคารกรุงเทพ ปรับลดดอกเบี้ย MOR และ MRR 0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่15 สิงหาคมพ.ศ. 2562

            4. ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% มาอยู่ที่ 7.12% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย MOR ลง 0.125% มาอยู่ที่ 6.745%

            ทั้งนี้ ภายหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้แล้ว จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ของธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลงมาอยู่ที่ 6.745% และ อัตราดอกเบี้ย MLR ยืนอยู่ที่ 6.025% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับที่ต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์  อย่างไรก็ตาม ก็ไม่เป็นที่เปิดเผยว่า การที่ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ปรับลดดอกเบี้ยนี้ ได้รับผลประโยชน์อะไรตอบแทนจากทางราชการหรือไม่ ถ้าได้ ตีค่าเป็นเม็ดเงินที่รัฐต้องจ่ายไปเท่าไหร่

            ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก คืออัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1-2 ปีก็เพียง 1.4%-2.0% เท่านั้น หากคิดเฉลี่ยที่ 1.5%  ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้ MOR และ MLR จึงอยู่ที่ 4.525% - 5.245% ซึ่งก็ยังสูงมากอยู่ดี  หากคิดจากค่านายหน้าต่างๆ  ประเทศไทยเก็บเป็นเงิน 3% ต่อปี  กรณีเอาเงินของประชาชนไปปล่อยกู้ ก็ควรได้กำไรไม่เกิน 3% ต่อปี  ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ว่าลดแล้วก็ยังสูงมากอยู่ดี

            ดังนั้น อัตราดอกเบี้ย MOR และ MRR จึงไม่ควรเกิน 4.5%-5.5% ไม่ใช่เก็บที่ 6.025% - 6.745%  หากลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ เศรษฐกิจก็จะฟื้นคืนได้  กรณีเช่นนี้ธนาคารก็ควรลดดอกเบี้ยมากกว่านี้ เพราะปกติธนาคารก็มีรายได้มากมายจากกิจการที่ไม่ใช่การฝาก-กู้ยืมเงินอยู่แล้ว  การลดส่วนต่างของดอกเบี้ยให้เท่ากับค่านายหน้า จึงเป็นสิ่งที่สมควร

            ทางออกอีกอย่างหนึ่งของรัฐบาลก็คือการเชื้อเชิญสถาบันการเงินต่างประเทศมาดำเนินการแบบเต็มรูปแบบในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขัน  ไม่ให้เกิดการผูกขาดเฉพาะสถาบันการเงินไทยไม่ถึง 20 แห่งเช่นทุกวันนี้ และเมื่อนั้น ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากก็จะน้อยลงทันที
 

ที่มา : https://bit.ly/2z3q0SU.

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 732 คน กำลังออนไลน์