การประเมินอภิมานงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) ประจำปีการศึกษา 2558
ชื่อเรื่อง การประเมินอภิมานงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑
(หนองแสง) ประจำปีการศึกษา 2558
ผู้วิจัย นายศิวาวุธ สระแก้ว
โรงเรียน โรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) สำนักการศึกษา เทศบาลเมืองนครพนม
จังหวัดนครพนม
ปีที่วิจัย 2558
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อประเมินอภิมานผลงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) ประจำปีการศึกษา 2558 (2) เพื่อประเมินคุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) และ (3) เพื่อพัฒนาโมเดลคุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) โดยใช้หลักการของแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง (Structural Equation Model) ดำเนินการวิจัยโดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Approach) ในระยะแรกใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Approach) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) ที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) กลุ่มละ 10 คน รวมทั้งสิ้น 30 คน ซึ่งคัดเลือกโดยวิธีเจาะจง (Purposive Sampling Technique) สำหรับกลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษา และใช้วิธีบอกต่อ (Snowball Technique) สำหรับกลุ่มนักเรียน และผู้ปกครอง ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก ร่วมกับการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา โดยใช้โปรแกรม ATLAS.ti ช่วยในการวิเคราะห์ ส่วนการวิจัยในระยะที่สองใช้วิธีเชิงปริมาณ (Quantitative Approach) กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) รวมทั้งสิ้น 321 คน ที่สุ่มตัวอย่างแบบเป็นระบบ (Systematic Sampling) ใช้วิธีการสัมภาษณ์ตามแบบสัมภาษณ์ที่สร้างขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์แบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง (SEM) โดยใช้โปรแกรม LISREL
ผลการวิจัยพบว่า
(1) ผลการประเมินอภิมานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) ประจำปีการศึกษา 2558 พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองยังมีความเห็นตรงกันว่าระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) มีความเหมาะสมในการดำเนินการ โดยองค์ประกอบของการประเมินที่สำคัญที่สุด คือ ด้านประสิทธิผลของการประเมิน (Cost-effectiveness) รองลงมา คือ ด้านอรรถประโยชน์ (Utility) ด้านความตรงของการประเมิน (Validity) ด้านจริยธรรมในการประเมิน (Ethicality) และด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมิน (Credibility) ตามลำดับ
(2) คุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) ประจำปีการศึกษา 2558 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 61.37) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความตรงของการประเมิน (Validity) ด้านอรรถประโยชน์ (Utility) ด้านจริยธรรมในการประเมิน (Ethicality) ด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมิน (Credibility) และด้านประสิทธิผลของการประเมิน (Cost-effectiveness) ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 68.22, 80.06, 58.88, 74.28 และ 76.54 ตามลำดับ) และองค์ประกอบที่มีนัยสำคัญต่อคุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ได้แก่ องค์ประกอบด้านความตรงของการประเมินด้านอรรถประโยชน์ด้านจริยธรรมในการประเมินด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมินและด้านประสิทธิผลของการประเมิน
(3) โมเดลคุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (หนองแสง) สามารถอธิบายระดับคุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ร้อยละ 91 (R2 = 0.91) และพบว่า คุณค่างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้รับอิทธิพลทางตรงจากองค์ประกอบด้านความตรงของการประเมินด้านอรรถประโยชน์ด้านจริยธรรมในการประเมินด้านความน่าเชื่อถือของนักประเมินและด้านประสิทธิผลของการประเมินอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01