รายงานการประเมินโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล ผลงานของ นางเรณู สรหงษ์
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
เรื่อง รายงานการประเมินโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล ของโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
ผู้วิจัย นางเรณู สรหงษ์
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียน
การประเมินโครงการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินสภาพแวดล้อม (Context) ด้านความสอดคล้องของโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล กับนโยบายการศึกษา 2) เพื่อประเมินปัจจัย (Input) นำเข้าด้านความเหมาะสม ความเพียงพอของทรัพยากรของโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล 3) เพื่อประเมินกระบวนการ (Process) การปฏิบัติงานตามขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล 4) เพื่อประเมินผลผลิต (Product) ของโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล โดยใช้รูปแบบการประเมินโครงการ CIPP MODEL ของสตัฟเฟิลบีม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินโครงการ ประกอบด้วย ผู้บริหาร จำนวน 5 คน ครู จำนวน 71 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 13 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง และ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 508 คน และผู้ปกครอง จำนวน 508 คน ของโรงเรียนโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 ปีการศึกษา 2557 ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 5 ฉบับ มีค่าความเที่ยง 0.81-0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมิน พบว่า
1. การประเมินสภาพแวดล้อมด้านความสอดคล้องของโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล กับนโยบายการศึกษา พบว่า ผู้บริหาร และครู มีความคิดเห็นต่อการประเมินสภาพแวดล้อมด้านความสอดคล้องของโครงการกับนโยบายการศึกษาโดยรวมมีความสอดคล้อง อยู่ในระดับมาก ( =4.24) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า ทุกข้อมีความสอดคล้องอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีความสอดคล้องสูงสุด ได้แก่ โครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา มีความสอดคล้องอยู่ในระดับมาก (=4.25) ข้อที่มีความสอดคล้องต่ำสุด ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์กับกิจกรรมของโครงการ มีความสอดคล้องอยู่ในระดับมาก (=3.59)
2. การประเมินปัจจัยนำเข้าด้านความเหมาะสม ความเพียงพอของทรัพยากรโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล พบว่า ผู้บริหาร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และครู มีความคิดเห็นต่อการประเมินปัจจัยนำเข้าด้านความเหมาะสม ความเพียงพอของทรัพยากรของโครงการพัฒนาพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากลโดยรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (=3.85) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้อมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีความเหมาะสมสูงสุด ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริมและให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (=4.13) ข้อที่มีความเหมาะสมต่ำสุด คือ โรงเรียนได้รับงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในการดำเนินโครงการ โรงเรียนสนับสนุนงบประมาณอย่างเพียงพอ และ ผู้ดำเนินโครงการวางแผนการดำเนินงานเป็นระบบ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (=3.54)
3. การประเมินกระบวนการ การปฏิบัติงานตามขั้นตอนการดำเนินงานของพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากลพบว่า (1) ผู้บริหาร และครู มีความคิดเห็นการประเมินกระบวนการ การปฏิบัติงานตามขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล โดยรวมการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=4.15) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้อมีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีการปฏิบัติสูงสุด ได้แก่ กำหนดปฏิทินปฏิบัติงานเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานเหมาะสมชัดเจน มีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมาก (=3.91) รองลงมา คือ การนิเทศ กำกับ ติดตามการดำเนินโครงการตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ( =3.92) ข้อที่มีการปฏิบัติต่ำสุด ได้แก่ การสำรวจ ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนาโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล และ การปรับปรุงแก้ไขวิธีการปฏิบัติ เมื่อพบข้อบกพร่องขณะดำเนินการ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=3.75)
ผู้บริหาร และครู มีความคิดเห็นต่อการประเมินระดับการปฏิบัติงานตามกิจกรรมในโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล ด้านกระบวนการการจัดกิจกรรม 5 กิจกรรม โดยรวมการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=3.92) เมื่อพิจารณา รายข้อ พบว่า ทุกข้อมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ข้อที่มีการปฏิบัติสูงสุด ได้แก่ การพัฒนาบุคลากรด้านICT มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=4.18) ข้อที่มีการปฏิบัติต่ำสุด คือ การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วย EIS มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=3.56)
4. การประเมินผลผลิตการดำเนินโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล (เมื่อสิ้นสุดโครงการ) พบว่า (1) ผู้บริหาร และครู มีความคิดเห็นการประเมินต่อผลผลิตการดำเนินโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล (เมื่อสิ้นสุดโครงการ) โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=3.98) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้อมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีการปฏิบัติสูงสุด ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนมีคุณภาพในการปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=4.09) ข้อที่มีการปฏิบัติต่ำสุด คือ มีอุปกรณ์เพียงพอในการดำเนินงาน ควรจัดซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับปรุง-ซ่อมแซม วัสดุอุปกรณ์ที่ชารุดและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการพัฒนา และ บริการข้อมูลให้แก่ครู นักเรียน และ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (=3.78) (2) ผู้บริหาร คณะกรรมการสถานศึกษา ครู นักเรียน และผู้ปกครอง มีความคิดเห็นการประเมินความพึงพอใจต่อโครงการพัฒนางานบุคลากรโดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (=3.94) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทุกข้อมี ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีความพึงพอใจสูงสุด ได้แก่ ครู ผู้บริหาร และบุคลากร ในโรงเรียนมีคุณภาพในการปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (=4.08) ข้อที่มีความพึงพอใจต่ำสุด คือ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (=3.80)
ข้อเสนอแนะ
1. ควรนำผลการประเมินโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล ของโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ไปใช้เป็นข้อมูลการบริหารจัดการด้านการพัฒนาการบริหารงานบุคคล เพื่อวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพ การปฏิบัติงานและการจัดการเรียนการสอนของครูให้มีคุณภาพสู่สากล
2. ควรจัดกิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูอันจะส่งผลให้ผู้เรียนสู่มาตรฐานสากล ซึ่งได้รับประโยชน์และตรงกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. ควรนำผลการประเมินโครงการพัฒนาครูสู่มาตรฐานสากล ของโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพของครูในโรงเรียนหรือพัฒนางานพัฒนาบุคคลากรของโรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1ในปีต่อไป