เพลงกล่อมเด็ก
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
เพลงกล่อมเด็กประจำภาคอีส่าน
เพลงกล่อมเด็ก
เพลงกล่อมเด็กเป็นเพลงที่ใช้เนื้อร้องเพื่อกล่อมเด็กให้นอนหลับหรือหายโยเย จึงมีท่วงทำนองการขับที่ช้างๆ เนิบๆ เพื่อชวนให้ง่วงนอน
เพลงกล่อมเด็กเป็นการถ่ายทอดความอาทรห่วงใยออกมาทางเสียง เพลงกล่อมเด็กมีประโยชน์ในด้านจิตวิทยา คือสามารถช่วยให้เด็กเกิดความอบอุ่นใจ และเสียงเพลงยังตอบสนองความต้องการความรักของเด็ก ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีจิตใจที่มั่นคง เมื่อเจริญเติบโตขึ้นและซึมซับคุณธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตตามที่ปรากฏในเพลง อีกทั้งยังช่วยให้เด็กคุ้นเสียงมนุษย์ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับการเรียนรู้ภาษา
เพลงกล่อมเด็กนอกจากจะใช้กล่อมให้นอนแล้ว ยังเป็นการแสดงออกทางอารมณ์ของผู้ขับร้อง โดยมิได้มุ่งตกแต่งถ้อยคำให้สละสลวย แต่เป็นการพรรณนาออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ด้วยเหตุนี้บางครั้งเพลงกล่อมเด็กกลายเป็นวิถีทางหนึ่งที่ให้ผู้ขับร้องได้ระบายความคับข้องใจ
เพลงกล่อมเด็กแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. เพลงกล่อมเด็กที่มีเนื้อหาเกี่นวกับเด็ก มักเน้นให้เห็นความรักความเอาใจใส่ของพ่อแม่ต่อลูกของตน
๒. เพลงกล่อมเด็กที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวกับเด็ก เพลงเหล่านี้มักเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการบรรยายสภาพความเป็นอยู่ หรือเกี่ยวกับการระบายความคับแค้นใจของผู้ขับร้อง หรือเกี่ยวกับคติสอนใจต่างๆ เพลงกล่อมเด็กประเภทนี้ เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับผุ้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างผู้ขับกล่อมมากกว่าเด็กที่นอนในเปล วึ่งจะฟังเพลงท่วงทำนองขับกล่อมช้าๆ ชวนให้นอนหลับ
เพลงกล่อมเด็กของภาคอีสาน ภาคอีสานเป็นดินแดนที่ราบสูงมีเทือกเขากั้นอยู่ ทำให้การคมนาคมติดต่อกับภาคอื่นไม่สะดวก ลักษระทางเศรษบกิจที่ปรากฏอยู่ในเพลงกล่อมเด็กจึงยังเป็นการแลกเปลี่ยน หรือหาของป่าเพื่อการดำเนินชีวิตมากกว่าการค้าขาย เพราะในเพลงกล่อมเด็กบอกว่าแม่ไปทำไร่ ไปพบไข่ (แสดงว่าไม่ได้เลี้ยง) จะเอากลับมาฝากลูก แต่กลัวไข่จะแตก วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้ไข่แตกคือ ทำให้สุกเสียก่อน แต่ที่ไร่ไม่มีภาชนะหุงต้ม ก็ต้องใช้วิหมกไข่ (คือเอาใบไม้ห่อไข่ให้มิด ใส่น้ำเล็กน้อยกันม่ให้ไข่ระเบิดเวลาร้อนจัด แล้วหมกในขี้เถ่าร้อนๆ ไข่ก็จะสุก) หรือเมื่อแม่ช้อนปลาได้ ถ้าจะเก็บไว้ไม่ให้เน่าก็ต้องจี่ (คือการก่อไฟจนฟืนกลายเป็นถ่านแดง เอาปลาวางบนถ่านนั้นจนสุก) การหมกและการจี่เป็นวิธีการทำอาหารแบบดั้งเดิมไม่ต้องอาศัยภาชนะใดๆ ในเพลงกล่อมเด้กยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้หญิงอีสาน ที่มีหน้าที่นอกจากหาอาหารมาเลี้ยงครอบครัวแล้ว ยังมีหน้าที่ทำเครื่องนุ่งห่มด้วย เพราะมีการปลูกหม่อนไหมสำหรับการทอผ้า
ซึ่งอีสาน เป็นดินแดนที่กว้างขวางและมีประชากรมากที่สุดในบรรดา 4 ภาคของไทย เพลงกล่อมลูกจึงมีหลายสำเนียง ถ้าเป็นอีสานตอนเหนือจะมีสำเนียงคล้ายลาว ถ้าเป็นอิสานตอนใต้จะมีสำเนียงคล้ายเขมร แต่เพลงกล่อมลูกที่แพร่หลายและยอมรับว่าเป็นเอกลักษณ์ของอีสานจะเป็นสำเนียงอีสานตอนเหนือ และมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า "นอนสาหล่า" หรือ "นอกสาเดอ" หรือ "นอนสาแม่เยอ" มีทำนองลีลาเรียบง่ายช้าๆ และมีกลุ่มเสียงซ้ำๆ กันทั้งเพลงเช่นเดียวกับภาคเหนือ การใช้ถ้อยคำมีเสียงสัมผัสคล้ายกลอนสุภาพทั่วไป และเป็นคำพื้นบ้านที่มีความหมายในเชิงสั่งสอนลูกหลานด้วยความรักความผูกพัน
จะประกอบด้วย 4 ส่วนเสมอ คือ ส่วนที่เป็นการปลอบโยนการขู่และการขอโดยมุ่งให้เด็กหลับเร็วๆ นอกจากนี้ก็จะเป็นคำที่สะท้อนภาพวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ทัศนคติ อุดมคติ ของคนในท้องถิ่น อันช่วยให้เกิดความเข้าใจความเป็นมาของวัฒนธรรมเป็นอย่างดี พร้อมทั้งทางด้านจิตใจและด้านการศึกษาของชาติ
เพลงกล่อมเด็กเป็นเพลงพื้นบ้านที่พร้อมด้วยสาระและความบันเทิง คือเพลงพื้นบ้านอีสาน มีลักษณะเด่นชัดกับการขับร้องอันเป็นธรรมชาติ บ่งบอกความจริงใจ ความสนุกสนาน และความสอดคล้องกลมกลืนกับเครื่องดนตรีประจำท้องถิ่น คือ แคน แม้การขับกล่อมลูกซึ่งไม่ใช้เครื่องดนตรีใดๆ ประกอบ ก็สื่อให้ผู้ฟังรู้ทันทีว่าเป็นเพลงของภาคอีสาน