'อดีตเด็กหัวทึบ'รวยความรู้ 'จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์'พลิกชีวิตแบบ ไม่รอพึ่งโชค

รูปภาพของ ssspoonsak

          หลายวันก่อนอ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ พบบทความเกี่ยวกับคนคนหนึ่ง เฮ้ย นี่เจ้าโอ๋นี่นา ที่จำได้ เพราะเคยเจอและทำงานร่วมกันในสองสามปีนี้สัก 2-3 ครั้ง เป็นลูกศิษย์ที่เรียนคณิตศาสตร์ไม่เก่งจริง คิดจะเอาชีวิตเจ้าโอ๋มาเขียนให้รุ่นน้องในศ.ท.และที่อื่นได้เห็นว่า เด็กที่เรียนไม่เก่งแล้วประสบความสำเร็จได้อย่างไร เมื่อมาเจอใน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เลยไม่เขียนละ ขออนุญาตเอามาลงเลยแล้วกัน เรื่องดีดีแบบนี้ ถ้าเจออีกครั้งจะเอาแบบละเอียดมาเล่าอีกแล้วกันครับ

          ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพทั้งสองภาพจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th 

          ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล

'อดีตเด็กหัวทึบ'รวยความรู้ 'จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์'พลิกชีวิตแบบ ไม่รอพึ่งโชค

          เพื่อนทุกคนยังงงว่าเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? แม้ตัวเธอเองก็ยังงงและตั้งคำถาม แต่โดยส่วนตัวมองว่า...โชคดีที่ได้รับโอกาส และอาจเพราะจังหวะชีวิตขณะนั้นอยู่ในช่วงที่ดี หรืออีกอย่างเมื่อวิเคราะห์ลึก ๆ กันจริงจังก็อาจเป็นไปได้ว่า... เพราะสมัยเธอนั้น

          เส้นทางชีวิตของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน บางคนเดินตามที่ใครต่อใครขีดไว้ ขณะที่บางคนได้เดินตามความฝันตามความต้องการของตนเอง ในจำนวนนี้ย่อมมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่พบกับความล้มเหลว แต่แม้ว่าจะผิดหวัง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเป็นเรื่องของการเรียนรู้-เป็นประสบการณ์ หากยังไม่เลิกที่จะฝัน...ก็ห้ามที่จะหยุดเดิน อย่างเช่นเรื่องราวชีวิตที่วันนี้ทีม “วิถีชีวิต” จะนำเสนอ กับชีวิตของ... “ดร.จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์”

          ดร.จุฬากรณ์ คนนี้เป็นนักวิชาการด้านการศึกษา ที่วันนี้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สถาบันรามจิตติ ซึ่งเธอเล่าถึงชีวิตว่า... แม้คุณปู่ของเธอจะเป็นถึงเจ้าสัวในเวิ้งนาครเขษม แต่รากฐานของครอบครัวเธอก็เริ่มต้นสร้างขึ้นจากความอุตสาหะของคุณพ่อและคุณแม่ โดยคุณพ่อทำกิจการโรงงาน ขณะที่คุณแม่เป็นแม่บ้านดูแลลูก ๆ โดยครอบครัวเธอมีพี่น้องรวมทั้งหมด 4 คน ซึ่งหากจัดอันดับความฉลาดและเรียนเก่ง เธอบอกว่า...ในจำนวนพี่น้องเรื่องการเรียนเธออยู่ที่โหล่ท้ายสุด เพราะเรียนไม่เก่ง ถึงขนาดคุณครูบางท่านปรามาสว่า... ชีวิตของเธอคงไปได้ไม่ถึงไหน แต่ใครจะเชื่อ! อดีตเด็กหัวทึบคนนี้ ปัจจุบันเป็น “นักวิชาการการศึกษา” แถมมีดีกรีจบถึงระดับ “ดอกเตอร์” เป็น ผอ.สถาบันรามจิตติ และมีผลงานวิชาการมากมายที่ได้รับรางวัล อาทิ รางวัลงานวิจัยดีเด่นจาก สกว. ในปี 2547 จากงานวิจัยโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งโรงเรียน (วพร.) หรือ โครงการวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ท้องถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2550 และรางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่นจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปี 2551 จากผลงานเรื่อง นโยบายและยุทธศาสตร์ทางการศึกษาแบบมุ่งอนาคตเพื่อเด็กและเยาวชนไทย

          ความสำเร็จเหล่านี้ ดร.จุฬากรณ์ ระบุว่า... เพื่อนทุกคนยังงงว่าเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? แม้ตัวเธอเองก็ยังงงและตั้งคำถาม แต่โดยส่วนตัวมองว่า...โชคดีที่ได้รับโอกาส และอาจเพราะจังหวะชีวิตขณะนั้นอยู่ในช่วงที่ดี หรืออีกอย่างเมื่อวิเคราะห์ลึก ๆ กันจริงจังก็อาจเป็นไปได้ว่า... เพราะสมัยเธอนั้น การศึกษาเปิดกว้างและมีรูปแบบหลากหลาย ซึ่งถ้ามีทิศทางการศึกษาแบบเดียว ชีวิตการเรียนเธอเองก็คงจบไปตั้งแต่ชั้น ม.6 แล้ว

          อะไรทำให้ชีวิตพลิกผัน? เรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้ผลงานที่กล่าวมาข้างต้น โดย ดร.จุฬากรณ์ กล่าวว่า...เป็นเด็กหลังห้องมาตลอด เพราะเรียนหนังสือไม่เก่ง ไม่ใช่เด็กเรียน หรือที่ผู้ใหญ่ชอบพูดว่า...เป็นพวกปัญญาทึบ! ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพี่ชายของเธอด้วยแล้ว ยิ่งห่างไกลกันไปใหญ่ เพราะพี่ชายเรียนหนังสือเก่งมาก ๆ เรียกว่าเก่งขั้นอัจฉริยะ ทำให้ท้อแท้และคิดที่จะเลิกเรียนอยู่หลายครั้ง โชคดีที่คุณพ่อขู่แกมบังคับโดยบอกว่า...“ต้องเรียนให้ได้มากที่สุด”

          ดร.จุฬากรณ์ ยังบอกอีกว่า...ตอนเด็กเป็นคนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ ผิดกับคุณพ่อที่เป็นคนใฝ่รู้ และพยายามเคี่ยวเข็ญ ให้ลูกทุกคนเรียนหนังสือ ไม่เว้นแม้แต่คนหัวไม่ดีอย่างเธอ ตอนนั้นคุณพ่อบังคับให้ไปเรียนภาษาจีนกับโรงเรียนจีนที่จะเปิดสอนเฉพาะช่วงเย็น ซึ่งเธอ ก็ต้องไป แต่เรียนไปก็นั่งหลับไป ต่อมาได้มาเรียนชั้นมัธยมศึกษาต่อ ที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย เพราะใกล้บ้าน ซึ่งชีวิตการเรียนนั้น นักวิชาการคนนี้ บอกว่า...ไม่เคยเรียนอยู่ห้องคิงเลย ได้แต่เรียนอยู่ ห้องท้าย ๆ มาตลอด ทั้งนี้ ถึงแม้การเรียนจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ที่ทำได้ดีสิ่งหนึ่งคือการ เล่นดนตรีไทย หลังเข้าเรียนก็เลือกเข้าชมรมดนตรีไทย ซึ่งเธอเล่นเก่งจนออกไปคว้ารางวัลได้ในระดับประเทศมาแล้ว ต่อมาได้หันไปสนใจกีฬาบาสเกตบอล และเล่นได้ดีจนเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย จึงคิดจะเอาดีด้านนักกีฬานี้ แต่คุณครูแนะนำว่า... อาชีพนักกีฬามีข้อจำกัดเรื่องกายภาพและอายุ หากอายุมากหรือเจ็บก็ต้องเลิกเล่น แต่ดนตรีอายุมากแค่ไหนก็ยังเล่นได้ จึงคิดว่าเธอควรทุ่มเทให้ดนตรีจะดีกว่า...สุดท้ายจึงตัดสินใจเป็นนักดนตรีไทยต่อไป

          ในขณะที่เพื่อน ๆ กำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือเพื่อสอบเอน ทรานซ์ แต่เธอสามารถเข้าเรียนต่อในคณะมนุษย ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) จากโควตานักดนตรีได้เลย เรียกว่า...มีประโยชน์ในที่สุด ที่ไม่ทิ้งเรื่องนี้ไว้กลางคัน หลังจากนั้นช่วงที่เรียนอยู่ปี 3 ได้ลองไปสมัครสอบเพื่อเรียนต่อระดับ “ปริญญาโท” ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสอบได้ แต่ตั้งใจว่า...จะทำงาน จะไม่เรียนต่อ เมื่อคุณพ่อรู้ก็บังคับให้เรียนเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี ทำให้จำใจต้องเข้าไปเรียน ซึ่งช่วง แรก ๆ เรียนไม่ได้ ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะยังปรับตัวกับ “ระบบ” ไม่ได้ ถึงขนาดคิดจะลาออก แต่อาจารย์ที่ปรึกษาไม่อนุมัติโดยได้พยายามหาทางช่วย ด้วยการบอกว่า...ให้ทำวิทยานิพนธ์มาแทน จึงเสนอหัวข้อที่จะทำคือ การศึกษากระบวนการและผลของโครงการสื่อชาวบ้านเพื่อพัฒนามนุษย์และสังคมในภูมิภาค ที่ต่างกัน : กรณีศึกษาคณะละครมะขามป้อม โดยให้เหตุผลว่า...จะเป็น “กระแสการศึกษาในอนาคต” โดยหัวใจวิทยานิพนธ์ดังกล่าว คือการพิสูจน์ว่า...หัวใจของการศึกษานั้น ไม่ได้อยู่ที่แค่เฉพาะการเรียนในห้องเรียน หากแต่ยังต้องประกอบด้วยเรื่อง “การเรียนรู้จากชุมชนและสังคมรอบตัว” ด้วย โดยกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ขณะนั้น คือ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ นั่นเอง

          หลังเรียนจบปริญญาโท ดร.จุฬากรณ์ เข้าทำงานที่สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทยนาน 5 ปี ก่อนไปเรียนต่อระดับ “ปริญญาเอก” ทั้งที่ความจริงแล้วไม่คิดมาก่อนด้วยซ้ำว่า... จะสามารถเรียนสูงจนถึงระดับ “ดอกเตอร์” โดยถึงขนาดบอกคุณพ่อตั้งแต่สมัยยังเรียนปริญญาโท ด้วยซ้ำว่า... “เรียนมาได้ถึงขนาดนี้ ถือว่าเกินคาดหมายมากแล้ว”

          “สาเหตุที่ต้องเรียนต่อ เพราะพอเราทำงานไปแล้ว เกิดปัญหาคือ ความรู้มันยากจน ไปต่อไม่ได้แล้ว จึงตัดสินใจเรียนต่อปริญญาเอกสาขาพัฒนศึกษา ที่คณะครุศาสตร์ จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะต้องการความรู้เพิ่ม ส่วนการศึกษาศาสตร์ต่าง ๆ ก็ไปลง เรียนเพิ่มตามหลักสูตรต่าง ๆ ที่มีการเปิด สอน ระหว่างเรียนปริญญาโทจนไปต่อปริญญาเอก ก็มีโอกาสได้ทำงานเรื่องการศึกษาชุมชนกับอาจารย์อมรวิชช์มาตลอด และร่วมกันผลักดันจนเกิดสถาบันรามจิตตินี้ขึ้นมา เพราะประเทศไทยช่วงนั้น งานด้านการศึกษากำลังขยายใหญ่ขึ้น มีเรื่องให้ศึกษา และมีปัญหาเกิดขึ้นมาก ทำให้เราทุกคนที่ทำงานคิดกันว่า...เราเองก็ต้องขยายพื้นที่ เราเองก็ต้องพัฒนาให้ทันกับกระแสและยุคสมัยของโลกด้วย เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องทางการศึกษา”...ดร.จุฬากรณ์ ระบุถึงชีวิตเธอที่เดินมาได้ไกลกว่าที่คาด ฝันไว้มาก โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะทุ่มเทให้กับเรื่อง “การศึกษา” ของไทย...

          ในมุมชีวิต กับชีวิตของ ดร.จุฬากรณ์ ที่เดินมาไกล จากเด็กเรียนไม่เก่ง ที่ถูกครูระบุว่า... “หัวทึบ” แต่สุดท้ายกลายเป็น “นักวิชาการด้านการศึกษา” และมีดีกรีทางวิชาการมากมาย จนที่สุดมานั่งแท่นในองค์กรด้านการพัฒนาการศึกษา เธอคนนี้กล่าวว่า...“เคยมานั่งคิดแบบสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ก็อาจเป็นไปได้ว่า... ชีวิตของเรามันอาจจะถูกวางมาแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ที่คิดว่าไปไม่ได้ก็ไปได้ แบบบางคนยังงง ๆ ว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?” อย่างไรก็ตาม นักวิชาการคนนี้ก็แนะนำเยาวชนไทยว่า...การอ่านหนังสือ การเข้าห้องเรียน การใฝ่เรียน คือหน้าที่และความรับผิดชอบของนักเรียนที่มีต่อตัวเอง การที่คนเราจะประสบความสำเร็จได้ ต้อง “หาเส้นทางชีวิตตนเองให้เจอให้ได้” จากนั้นจึงค่อยเดินหน้ามุ่งไปหาจุดหมายนั้น...

โดยที่ไม่นั่งรอคอยโชคชะตา

ไม่รอพึ่งพาคนอื่นมาช่วย...

วันอาทิตย์ 28 กันยายน 2557 เวลา 00:00 น.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

 

ที่มาของภาพ : http://www.trf.or.th/images/stories/newsimages/2014-images/01-10-2557/img001.jpg

ที่มารูปภาพ : http://www.trf.or.th/images/stories/newsimages/2014-images/19-08-2557/3.JPG

ที่มารูปภาพ : http://www.trf.or.th/images/stories/newsimages/2013-images/030120325252.jpg

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 201 คน กำลังออนไลน์