ลักษณะและประเภทของเต็นท์
3. เต็นท์โดม (Dome tent)
เต็นท์ประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เรียกว่ามองไปทางไหนก็จะพบเห็นเต็นท์โดมไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ รูปทรงของเต็นท์โดมมีลักษณะคล้ายโดมโค้งแบบครึ่งวงกลมคว่ำอยู่กับพื้น ตัวโดมถูกขึ้นรูปด้วยเสาที่ทำจากไฟเบอร์กลาสหรือเสาอลูมินั่ม 2 เส้น ที่ไขว้กันอยู่ หลังคาเต็นท์จะถูกคลุมทับด้วยฟรายชีทหรือผ้าร่มกันฝนอีกชั้นหนึ่ง ข้อดีของเต็นท์โดม คือกางง่าย ใช้งานสะดวก พื้นที่ใช้สอยภายในเต็นท์มีมากเข้าออกง่าย โปร่ง ระบายอากาศได้ดีทำให้การกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ (condensation) หมดไปเพราะตัวเต็นท์มีการระบายอากาศได้หลายทาง เต็นท์โดมสามารถใช้ได้ทุกฤดูกาลในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน,หนาว,ฝน สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เนื่องตัวเต็นท์ขึ้นรูปได้โดยที่ไม่ต้องขึงด้วยเชือกและยึดด้วยสมอบก (Free Standing)สำหรับข้อด้อยของเต็นท์โดม อาจจะกล่าวได้ว่าไม่มีเลยก็ได้ แต่บางคนอาจจะแย้งว่ามันหนัก น้ำมันซึม สู้ลมแรงไม่ไหว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถือว่าเป็นข้อด้อยของเต็นท์โดม เพียงแต่เราจะต้องเพิ่มเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อเต็นที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง เพราะปัญหาดังกล่าวจะหมดไปเมื่อเราใช้เสาอลูมินั่มที่ใช้ในวงการอากาศยาน คุณภาพของผ้าที่ผ่านการเคลือบอย่างดี รวมไปถึงการเย็บตะเข็บที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการเคลือบรอยตะเข็บ (Seamseal) ซึ่งสามารถป้องกันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี การสู้ลมแรงสามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกเต็นท์ที่ใช้เสามากกว่า 2 เส้นรวมไปถึงการยึดโยงฟรายชีทให้แน่นหนาก็สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ไม่ยาก แต่ทั้งนี้เราจะต้องแลกด้วยราคาที่สูงกว่าราคาเต็นท์ตามท้องตลาดถึง 3-4 เท่า ซึ่งตรงนี้คือปัญหาที่ทำให้เต็นท์ในเมืองไทยมีข้อด้อย ปัจจุบันบริษัทผลิตเต็นท์ในบ้านเรามีความสามารถผลิตเต็นท์ที่มีคุณภาพเหมือนของต่างประเทศ (มีมาตั้งนานแล้ว) เพียงแต่ที่ไม่สามารถผลิตได้ก็ตรงที่นักท่องเที่ยวบ้านเรานิยมของถูก จึงทำให้การออกแบบและเลือกใช้วัสดุมีข้อจำกัดไปในตัว
4. Hoop Tent
เป็นเต็นท์ที่ได้รับการพัฒนามาจากเต็นท์โดมรูปทรงเป็นทรงกระบอก ผนังเต็นท์มีลักษณะโค้งใช้เสา2เสา มีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่าเต็นท์โดมมีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ชอบแบกเป้ทั้งหลาย ผนังเต็นท์ใช้ผ้าร่มที่ไม่กันน้ำ เนื่องจากต้องการการระบายอากาศที่ดี ส่วนเพดานใช้ผ้ามุ้งที่สามารถป้องกันแมลงอย่างตัวริ้นได้ ใครที่ชอบชมเดือนดาวริมทะเลในฤดูร้อนก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่
5. The Bivy
Bivy เต็นท์รูปแบบนี้ยังไม่มีคำภาษาไทยที่แน่ชัด แต่ถ้าอธิบายตามลักษณะของเต็นแบบนี้แล้วเราคงร้องอ๋อเนื่องจากมันมีรูปร่างเหมือนถุงนอนที่เราใช้กันนี่เอง ที่พิเศษกว่าถุงนอนที่ใช้กันคือมันจะมีผ้าคลุมบริเวณใบหน้าเพื่อป้องกันฝนหรือหิมะ ในบางรุ่นอาจจะมีโครงมารับบริเวณใบหน้าเพื่อความโปร่งสบายไม่อึดอัดเวลานอน เต็นท์แบบนี้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัดอย่างการปีนหน้าผาที่ต้องค้างกลางทาง (บนหน้าผา) หรือการเดินทางด้วยจักรยานหรือผู้ที่ต้องการเต็นท์ที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Bivy เหมาะกับสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นในต่างประเทศมากกว่าในเมืองไทย เนื่องจากเต็นท์ลักษณะนี้มีพื้นที่ว่างน้อยมาก การถ่ายเทของอากาศเป็นไปด้วยความยากลำบากในการใช้งานจึงรู้สึกค่อนข้างอึดอัด อับชื้นเนื่องจากอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
6. เต็นท์สำหรับครอบครัว (Family size tent)
เต็นท์แบบนี้มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปเหมาะกับการใช้งานในแบบครอบครัวหรือการเดินทางด้วยรถ เนื่องจากมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมาก ภายในเต็นท์ความสะดวกสบายกว้างขวางกว่าเต็นท์ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด มีหลายรูปทรงไม่ว่าจะเป็นทรงโดม ทรงเหลี่ยมคล้ายบ้านหลังย่อมๆ ก็มีสำหรับในต่างประเทศนั้นมีการแบ่งเต็นท์แบบ 3 ฤดูและ 4 ฤดู เต็นแบบ 4 ฤดูนั้นเหมาะกับการใช้งานในหิมะหรือการพิชิตยอดเขาสูงอย่างเช่นเอเวอร์เรสต์ เต็นท์ในแบบ 4 ฤดูนั้นจะต้องมีความแข็งแรงสูงมากสามารถทนแรงลมหรือพายุหิมะ อีกทั้งน้ำหนักของหิมะที่ท่วมทับเต็นท์ นอกจากนั้นยังต้องสามารถป้องกันอากาศหนาวเย็นภายนอกที่จะเข้ามาภายในเต็นท์ได้อีกด้วย เต็นท์แบบนี้ไม่เหมาะกับเมืองไทย เนื่องจากการระบายอากาศไม่ดีพอจะสร้างความอบอ้าวไม่สบายตัวแทบจะนอนไม่ได้เลยทีเดียว ก่อนจะซื้อคงต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราด้วย
- « แรก
- ‹ หน้าก่อน
- 1
- 2