ชื่องานวิจัย           รายงานผลการจัดการเรียนรู้ เรื่อง โจทย์ปัญหาเศษส่วน ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดบางปะกอก ด้วยวิธีการเรียนรู้แบบ 4 MAT ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ

ผู้วิจัย                     กิตติภูมิ  เดิมชัยภูมิ  

ปีที่วิจัย                  2555

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน  2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน  3) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  ที่สร้างขึ้นตามเกณฑ์ 80/80 และ  4) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน

                ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดบางปะกอก สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ที่กำลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา  2555 จำนวน 300 คน  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดบางปะกอก สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ที่กำลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่  5/6 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา  2555   จำนวน  43  คน  ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย  (Simple  Random  Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย  1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT  ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ จำนวน 7 แผน  2) แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  จำนวน 7 ชุด  3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน  1 ฉบับ จำนวน 30 ข้อ  4)  แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบ ด้วยค่าเฉลี่ย  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การหาประสิทธิภาพ  E₁/E₂   การหาดัชนีประสิทธิผลและ  t – test  แบบ  Dependent  Samples  ผลการวิจัยปรากฏว่า      1) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังจากการเรียนการเรียนรู้แบบ 4 MAT  ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01  

2)  ผลการหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบ  4 MAT ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6421  หมายถึง  นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 64.21   3)  ผลการหาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  มีประสิทธิภาพ  84.68/83.79  ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้   4)   ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้แบบ  4 MAT  ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน  ในภาพรวมนักเรียนมีความความคิดเห็นในระดับมากที่สุด (

 = 4.68, S.D. = 0.56)