ผู้คิดค้น เบรนยิม (Brain Gym) และความเป็นมา
ที่มาของภพ : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/6/68/Brain_Gym_logo.jpg
ที่มาของภาพ : http://www.braingymnorcal.net/wp-content/uploads/2010/06/brain-left-right.jpg
ผู้คิดค้น เบรนยิม (Brain Gym) ที่ช่วยพัฒนาเส้นประสาทตามแนวทางธรรมชาติด้วยการเคลื่อนไหว คือ
Dr.Paul Dennison เป็นผู้คิดค้น วิจัยและพัฒนาตั้งแต่ปี 1970
ระหว่างที่เป็นนักการศึกษา เพื่อช่วยเหลือคนที่ถูกระบุว่าไม่มีความสามารถในการเรียนรู้ นักประสาทวิทยาชาวอเมริกัน ผู้คิดกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายชุดหนึ่ง ประกอบด้วยท่าง่ายๆ ๒๖ ท่า ที่จะช่วยให้คุณสามารถบูรณาการการทำงานของสมองเข้ากับการเคลื่อนไหวของร่างกายทุกส่วน ทำให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น รู้สึกผ่อนคลายและเป็นสุขมากขึ้น
ดร.พอล ( Dr.Paul Dennison) ได้ความคิดมาจากผลการทำวิจัยเด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้เมื่อแรกเข้าโรงเรียน เช่น สะกดไม่ถูก อ่านหนังสือไม่ออก หรือช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน ดร.พอล ( Dr.Paul Dennison) พบว่าในวัยทารก เด็กกลุ่มนี้มักจะข้ามขั้นตอนในการเรียนรู้ที่เด็กปกติทุกคนจะต้องผ่านไป เช่น เด็กบางคนพ่อแม่กลัวว่าจะล้มเจ็บก้นในช่วงตั้งไข่ จึงไปซื้อรถพยุงไม่ให้เด็กล้มตอนหัดยืน เด็กก็ข้ามขั้นตอนการตั้งไข่ไปสู่การเดินเตาะแตะเลย การข้ามขั้นตอนไม่ว่าจะโดยความตั้งใจของผู้ปกครองหรือเด็กเป็นเอง จะมีผลต่อการเรียนรู้เมื่อถึงวัยเรียน
นับเป็นการค้นพบนวัตกรรมใหม่ของการเรียนรู้ด้วยกิจกรรม Brain Gym ซึ่งเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหว ทุกวันนี้ Brain Gym ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการนำไปใช้กับบุคคลปกติทั่วไป มีการเรียนการสอนในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
ที่มาของภาพ : http://blog.beruby.com/us/files/2011/03/brain-gym-exercises.jpg
ดร.พอล ( Dr.Paul Dennison) เปรียบเทียบว่า การเรียนรู้เรื่องการเคลื่อนไหวร่างกายในวัยทารก ๒๔ เดือนแรก
เสมือนการสร้างซุปเปอร์ไฮเวย์ไว้ในสมอง เพื่อเตรียมรับการเรียนรู้ในอนาคต ดังนั้น ถ้าบางช่วงไม่ได้รับการลงหลักปักฐาน
อย่างมั่นคง เมื่อถึงวัยเรียนจริงบางส่วนของเด็ก จึงไปไม่ได้เร็วและไกลเท่าคนอื่น เพราะไม่มีเส้นทางที่จะเรียนรู้ หรือถนนขาด รถก็เลยไปไม่ถึงที่หมายเช่นเดียวกัน
วิธีแก้ไขปัญหานี้ ดร.พอล ( Dr.Paul Dennison) จึงคิดท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายขึ้นมาชุดหนึ่ง เรียกว่า Brain Gym ซึ่งเด็กที่มีปัญหากลุ่มนี้ทำแล้วปัญหาทุเลาลงได้อย่างอัศจรรย์ ต่อมา พบว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ ก็สามารถใช้ท่าทั้ง ๒๖ ท่านี้ได้เช่นกัน และในที่สุดก็พบอีกว่าพ่อแม่ของเด็กก็ใช้ได้ด้วยรวมทั้งคนที่ไม่มีลูกยังใช้ได้ดี จึงแพร่ไปนอกโรงเรียนและรอบๆ โลกด้วย
ตัวอย่าง Brain Gym ทำง่ายที่ทุกคนทำได้ก็คือ “ดื่มน้ำ” น้ำช่วยทดแทนของเหลวที่ร่างกายเสียไป กับการขับถ่าย ขับเหงื่อ ฯลฯ ในระหว่างวันจึงควรดื่มน้ำครั้งละน้อย แต่ดื่มบ่อยๆ นอกจากนั้น ก็มี “ปุ่มสมอง” ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างกระดูกไหปลาร้ากับซี่โครงแถวบนสุด ซึ่งคลำดูจะพบว่าเป็นแอ่งนุ่มๆให้ใช้มือคลึงเบาๆ ประมาณ ๒ - ๓ นาที ปุ่มสมองเป็นบริเวณที่เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองผ่านมากที่สุด การกระตุ้นช่วยให้สมองได้รับเลือดมากขึ้น จึงช่วยให้การทำงาน ของตัวเองและลูกหลานดีขึ้นตามด้วยท่าที่ทำง่ายและแก้ง่วง คือเคลื่อนไหวสลับข้าง ใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสกับขาฝั่งตรงกันข้าม โดยจะยืน นั่งเดิน หรือนอนทำก็ได้
ปัจจุบันมีหนังสือภาษาไทยและภาษาต่างประเทศไว้ให้ศึกษามากมาย และ ในรูปแบบต่างๆ
ที่มาของภาพ : http://hpc11.go.th/webboard/hpc11/uploads/monthly_03_2009/post-1332-1238139205.jpg
ที่มาของภาพ :http://psdblast.com/wp-content/uploads/2011/08/home-icon.jpg