ผู้คิดค้น เบรนยิม (Brain Gym) และความเป็นมา
ที่มาของภพ : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/6/68/Brain_Gym_logo.jpg
ความเป็นมาของ เบรนยิม (Brain Gym)
ที่มาของภาพ : http://scienceroll.files.wordpress.com/2011/10/293390_283697778326071_179865312042652
_1126591_1881694902_n.jpg?w=450&h=318
ทุกคนก็อยากมีอาการหัวใส คุณก็สามารถทำให้ สมองไหลลื่นไปได้ด้วยการบริหารและออกกำลังสมอง หรือ Brain Gym ซึ่งคิดค้นพัฒนาขึ้นในช่วง 20 ปีมานี้โดย ดร. พอล เดนนิสัน แห่ง Educational Kinesiology Foundation ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อช่วยให้สมองทั้งด้านซ้ายและสมองด้านขวาทำงานประสานกันได้ดี
ในช่วงแรก ดร. พอล คิดค้นวิธีการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยคนตาบอดและผู้ที่มีปัญหาด้าน การเรียนรู้ แต่แล้วก็พบว่า ไม่แต่คนตาบอดเท่านั้น ที่จะได้ประโยชน์ การรวบรวมพลังสมอง ให้ทำงานเป็นหน่วยเดียวกัน จะช่วยพัฒนาการทำงานตลอดจนกระทั่งความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคล อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ด้วยการลดความกดดันและความ เครียดอีกด้วย เหมาะกับคน ทำงาน แต่ก่อนที่จะไปออกกำลังกายสมอง หรือ Brain Gym นั้น มาศึกษากัน ว่าการทำงานของสมองคนเรานั้น.. เป็นอย่างไร
ที่มาของภาพ : http://www.hebron.ac.nz/images/brain-diagram.gif
สมองของคนเราแบ่งได้เป็น 2 ซีก คือ ซีกซ้ายและซีกขวา โดยมีกลุ่มไฟ เบอร์เชื่อมสมองทั้ง 2 ซีกเข้าด้วยกัน ในคนส่วนมาก
1.สมองข้างซ้าย ควบคุมการทำงานของดวงตาข้างขวา แขน หู และขาข้างขวา อันเป็น ข้างที่สามารถ ขบคิด ถึงเหตุและผล ได้ดีที่สุด สมองซีกซ้ายนี้เอง มีความสามารถทาง ด้านการคำนวณ ความชำนาญด้านภาษา การฟังและความเข้าใจ
2.ส่วนสมองซึกขวา จะเป็นแหล่งของจินตนาการ อารมณ์ ความรู้สึก สัญชาติญาณและ ลางสังหรณ์ ความสามารถทางด้านศิลปะ และ บ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ดังนั้น ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่คุณอ่านรายงาน สมองซีกซ้ายของคุณก็จะทำหน้าที่ ถอดความหมายคำพูด ในระหว่างที่สมองซีกขวา จะรวบรวมความคิดเข้าไว้ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราเหนื่อยหรือเครียด สมองจะทำงานได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น ความสามารถในการใช้สมาธิจึงลดลง และ เราก็จะไม่สามารถ รวบรวมความคิด หรือ พูดอธิบายอะไรออกไปได้ อย่างชัดเจน รวมทั้งไม่สามารถที่จะคิดในเชิงสร้างสรรค์ได้ เช่น ถ้าหากสมองข้างที่ทำหน้าที่รวบรวมเหตุผลของ เราถูกปิด ( ก็คือสมองซีกซ้าย )
ที่มาของภาพ : http://www.healfi.com/exercise/brain2.jpg
ที่มาของภาพ : http://kapalama.ksbe.edu/faculty/nanaluai/images/braingears.jpg
เราอาจจะยังอ่านข้อความบนหน้ากระดาษได้ แต่ก็จะไม่สามารถอธิบายความหมาย ของข้อความนั้นได้เต็มที่นัก หรือไม่ก็ อาจจะตะกุกตะกัก ติดขัด อยู่กับอารมณ์หรือ ความรู้สึกยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบ และไม่สามารถคิดใคร่ครวญหรือแก้ไขปัญหาให้ สำเร็จลุล่วงไปได้ เพราะเหตุนี้เอง การแก้ไขปัญหา ความอ่อนล้าของสมองที่เกิดขึ้น กับคุณ ด้วยการบริหารสมอง จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย เพราะเมื่อใดที่สมองของเรา ทำงานประสานกันได้ดี ก็จะส่งผลให้เราสงบนิ่ง และ ติดต่อสื่อสาร รวมทั้งประเมินสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามหลักเหตุผลดีขึ้น ความสามารถในการรับรู้ความคิดเห็นของผู้อื่นก็ จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน